สารคดีซีรี่ส์พิเศษ เส้นทางแห่งศรัทธา โดย สุริยันจันทรา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยอดฮิตของทัวร์ไทยเมื่อไปเมียนมาร์
นักทัศนาจรชาวไทยที่เดินทางไปย่างกุ่ง
สหภาพพม่า เป้าหมายหลักคงไม่มีใครยอมพลาดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ที่เป็นศูนย์รวมจิตรวมใจพุทธศาสนิกชน
ประวัติและความสำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากองได้นำเสนอผ่านคอลัมน์นี้ไปแล้ว
แต่อยากจะนำข้อมูลข่าวสารที่ทัวร์ทั่วไปอาจไม่ได้แนะนำหรืออรรถาธิบายนั่นคือ
บริเวณลานพระมหาเจดีย์ชเวดากองด้านทิศตะวันออกมีสิ่งสำคัญที่ควรได้ไปกราบไหว้ขอพรนั่นคือ
พระพุทธรูปที่บรมครูพู่พู่อ่อง หรือ โบโบอ่อง ( Bo Bo Aung ) มหาสิทธา ( ผู้สำเร็จ
หรือผู้ทรงพลังเหนือธรรมชาติ ) ที่ตามประวัติกล่าวว่าเป็นราชครูหรืออาจารย์ของบุเรงนอง
ผู้ชนะสิบทิศ
ครั้งสมัยพระเจ้าบุเรงนองปกครองแผ่นดินพม่าท่านมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งท่านประสงค์จะนำเพชรเม็ดใหญ่น้ำหนักหลายสิบกะรัตขึ้นไปประดิษฐานที่ยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง
บุเรงนองมีรับสั่งว่า.....ถ้าใครผู้ใดสามารถนำเพชรขึ้นไปประดิษฐานบนยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้ไดยไม่ใช้บันใดหรือนั่งร้าน ท่านจะมอบแผ่นดินให้ครองกึ่งหนึ่ง
บรมครูพู่พู่อ่อง ได้อาสานำเพชรขึ้นไปยอดพระมหาเจดีย์
หลายคนวิตกว่าท่านจะปีนขึ้นไปได้ยังไงเพราะสูงมากและไม่มีที่เกาะยึดขึ้นไป
เมื่อได้เพชรมาแล้วบรมครูพู่พู่อ่องสำแดงฤทธิ์เหาะลอยขึ้นไปยอดพระมหาเจดีย์นำไปประดิษฐานพร้อมจารอักขระ
“ สะ ตะ ปะ วะ “ สุดยอดพระคาถาเอกอุ เมื่อกลับลงสู่พื้น
บุเรงนองทรงพอพระทัยรับสั่งว่าจะขอมอบแผ่นดินกึ่งหนึ่งให้ปกครอง แต่บรมครูพู่พู่อ่องถวายพระพรขอไม่รับ แต่ขอให้พระองค์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สถิตยสถาพร
บุเรงนองทรงยกย่องบรมครูพู่พู่อ่องเป็นราชครู
หรือครูของพระราชา ราชการงานเมืองต่าง ๆ ที่สำคัญ
ตลอดจนเรื่องพิธีกรรมของบุเรงนองจะปรึกษาบรมครูพู่พู่อ่องเสมอ
ด้านทิศตะวันออกของพระมหาเจดีย์ชเวดากองจะมีพระพุทธรูปที่บรมครูพู่พู่อ่องประดิษฐานอยู่
เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องงดงามมากและมีอักษรจารึกว่าเป็นพระพุทะรูปที่พู่พู่อ่องหรือโบโบอ่อง
สร้างถวายไว้
ใกล้
ๆ กันมีเจดีย์สีขาว ที่ลานเจดีย์มีรูปสิทธาหันหน้าสักการะสู่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง สัณนิษฐานว่าเป็นรูปของบรมครูพู่พู่อ่อง
สิทธามหาเวทย์ที่ชาวพม่า มอญ ไทยใหญ่ และผู้ศรัทธาให้ความเคารพนับถือ
เมื่อเดือนมิถุนายน
2557 พระคณาจารย์จากประเทศไทย นำโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย พระอาจารย์ภูไทย วัดเขาแก้วฯ พระอาจารย์นอง วัดทุ่งเสลี่ยม และพระอาจารย์เภก
วัดสิงห์คูยาง ได้เดินทางไปสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากองและนำวัตถุมงคลไปอธิษฐานจิต
ณ บริเวณด้านทิศตะวันออก ที่วิหารพระพุทธรูปพู่พู่อ่องสร้างถวาย
วัตถุมงคลที่นำไปอธิษฐานครั้งนี้มีอาทิ
ล๊อคเก็ตบรมครูพู่พู่อ่อง และ
แหวนเงินลงยายันต์ “สะตะปะวะ” ( อักขระยันต์ที่บรมครูพู่พู่อ่องจารยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง)
จัดสร้างโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร
วัดเขาแก้วฯ จ.สุโขทัย
ล๊อคเก็ตและวัตถุมงคลครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย จ.แพร่
นอกจากพระมหาเจดีย์ชเวดากองแล้วสถานที่
“ ยอดฮิต” ที่นักทัศนาจรไทยต้องไม่พลาดคือการไปขอพรเทพทันใจ และเทพกระซิบ
แต่ก่อนอื่นต้องขอแนะนำให้ไปสักการะ พระ
เจดีย์โบดาทาวน์
เจดีย์โบดาทาวน์
ตามตำนานเล่าขานว่า เมื่อราว 2000 ปีก่อน
พระเจ้าโอกะลาปะ
กษัตริย์มอญทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศาธาตุ
ที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือดากอง ณ
บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบตะทาวน์ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งแบ่งพระพุทธเกศา 1
เส้น มาบรรจุไว้ ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์เวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่2
เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มย่างกุ้ง
ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายพินาศ
แต่ในระหว่างการบูรณะได้ค้นพบผอบทรงสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรม สารีริกธาตุ ครั้นเมื่อเจดีย์โบ ดาทาวน์องค์ใหม่
สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2496 จึงนำพระเกศธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใส ประดิษฐาน ณ
ใจกลางเจดีย์
และทำช่องทางให้พุทธศาสนิกชนเดินเข้าไปดูและสักการบูชาได้อย่างใกล้ชิด
ในบริเวณลานเจดีย์โบดาทาวน์มีศาลาประดิษฐานรูปปั้น
นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ ซึ่งผู้ศรัทธานิยมมากราบไหว้บูชา
ด้วยเชื่อว่าอธิษฐานขอสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ
วิธีขอพรจากเทพทันใจ
(นัตโบโบยี) ลำดับแรกเตรียมเครื่องถวายสักการะเช่น
มะพร้าม กล้วย ดอกไม้ ( มีขายในวัด ชุดละประมาณ 80 – 100 บาท ) จากนั้นให้เตรียมเงินธนบัตรไว้ 2
ใบใช้ได้ทั้งเงินพม่า เงินไทย โดยม้วนเป็นรูปกรวยซ้อนกัน
จากนั้นนำไปใส่ไว้ที่มือของเทพทันใจ
จากนั้นนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจที่ชี้มา
พร้อมกันนั้นให้เราอธิษฐานสิ่งที่ต้องการขอพรเพียงแค่ 1 อย่างเท่านั้นจากนั้นให้เดินวน
3 รอบ ไหว้ท่านอีกสักรอบหน้าผากแตะไว้ที่นิ้วชี้ของเทพทันใจ
และหยิบเงินที่ซ้อนในกรวยในมือท่านออก 1 ใบนำมาเก็บรักษาไว้ เป็นขวัญถุง
ส่วนอีกหนึ่งในเป็นเงินทำบุญเป็นอันเสร็จพิธี
ต่อจากนั้นก้เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามมีอาคารประดิษฐานเทพกระซิบ
หรือ เมี๊ยะนานหน่วย
ตามตำนานกล่าวว่า
นางเป็นธิดาของพญานาค
ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล
ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว
การบูชาเทพกระซิบ หรือ นัต อะมาดอว์เมียะนั้น
นอกจากบูชาด้วยมะพร้าว กล้วยที่จัดไว้เป็นชุดแล้ว
ยังนิยมบูชาด้วยน้ำนม และข้าวตอก รวมทั้งดอกไม้
ซึ่งมักจะเป็นดอกมหาหงส์ ที่คนพม่านิยมใช้บูชาพระกันทั่วไป
เคล็ดในการขอพรจากเทพกระซิบคือต้องเข้าไปกระซิบใกล้
ๆ และขอพรกับท่านเพียงข้อเดียว
แต่ก็มีหลายท่านที่อยากจะขอพรหลายข้อ
เช่นมีคุณป้ารายหนึ่งอยากขอพรหลายข้อหลายประการคือ
1 ขอให้ตัวเองถูกหวย 2 ขอให้ได้เลื่อนตำแหน่ง 3 ขอให้ลูกชายสอบเอ็นทรานซ์ติด 4
ขอให้ลูกสาวได้เป็นนางงาม 5
ขอให้สามีอย่ามีกิ๊ก ฯลฯ
ทำไงดีล่ะเพราะเข้าไปกระซิบได้ครั้งละ
1 ข้อ คนอื่นเขากระซิบเสร็จก็ออกไปรอข้างนอก
คุณป้ารายนี้ยังวนเวียนเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเทพกระซิบรอบแล้วรอบเล่าสิริรวม 5 รอบ
ก้อไม่มีปัญหาอะไร...เขาให้กระซิบทีละข้อคุณป้าก็ทีละข้อ แต่ห้ารอบเจ้าค่ะ
-----------------------
ท่านที่สนใจวัตถุมงคลที่นำไปปลุกเสก ติดต่อที่ สุริยันจันทรา โทร 083-073-7515
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น