วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยอดฮิตของทัวร์ไทยเมื่อไปเมียนมาร์

สารคดีซีรี่ส์พิเศษ  เส้นทางแห่งศรัทธา   โดย สุริยันจันทรา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยอดฮิตของทัวร์ไทยเมื่อไปเมียนมาร์
                นักทัศนาจรชาวไทยที่เดินทางไปย่างกุ่ง สหภาพพม่า เป้าหมายหลักคงไม่มีใครยอมพลาดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง  ที่เป็นศูนย์รวมจิตรวมใจพุทธศาสนิกชน

ประวัติและความสำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากองได้นำเสนอผ่านคอลัมน์นี้ไปแล้ว  แต่อยากจะนำข้อมูลข่าวสารที่ทัวร์ทั่วไปอาจไม่ได้แนะนำหรืออรรถาธิบายนั่นคือ บริเวณลานพระมหาเจดีย์ชเวดากองด้านทิศตะวันออกมีสิ่งสำคัญที่ควรได้ไปกราบไหว้ขอพรนั่นคือ พระพุทธรูปที่บรมครูพู่พู่อ่อง หรือ โบโบอ่อง ( Bo Bo Aung ) มหาสิทธา ( ผู้สำเร็จ หรือผู้ทรงพลังเหนือธรรมชาติ ) ที่ตามประวัติกล่าวว่าเป็นราชครูหรืออาจารย์ของบุเรงนอง ผู้ชนะสิบทิศ

ครั้งสมัยพระเจ้าบุเรงนองปกครองแผ่นดินพม่าท่านมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง  วันหนึ่งท่านประสงค์จะนำเพชรเม็ดใหญ่น้ำหนักหลายสิบกะรัตขึ้นไปประดิษฐานที่ยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง
บุเรงนองมีรับสั่งว่า.....ถ้าใครผู้ใดสามารถนำเพชรขึ้นไปประดิษฐานบนยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้ไดยไม่ใช้บันใดหรือนั่งร้าน  ท่านจะมอบแผ่นดินให้ครองกึ่งหนึ่ง
บรมครูพู่พู่อ่อง ได้อาสานำเพชรขึ้นไปยอดพระมหาเจดีย์  หลายคนวิตกว่าท่านจะปีนขึ้นไปได้ยังไงเพราะสูงมากและไม่มีที่เกาะยึดขึ้นไป
เมื่อได้เพชรมาแล้วบรมครูพู่พู่อ่องสำแดงฤทธิ์เหาะลอยขึ้นไปยอดพระมหาเจดีย์นำไปประดิษฐานพร้อมจารอักขระ “ สะ ตะ ปะ วะ  “  สุดยอดพระคาถาเอกอุ   เมื่อกลับลงสู่พื้น  บุเรงนองทรงพอพระทัยรับสั่งว่าจะขอมอบแผ่นดินกึ่งหนึ่งให้ปกครอง  แต่บรมครูพู่พู่อ่องถวายพระพรขอไม่รับ  แต่ขอให้พระองค์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สถิตยสถาพร
บุเรงนองทรงยกย่องบรมครูพู่พู่อ่องเป็นราชครู หรือครูของพระราชา  ราชการงานเมืองต่าง ๆ ที่สำคัญ ตลอดจนเรื่องพิธีกรรมของบุเรงนองจะปรึกษาบรมครูพู่พู่อ่องเสมอ

                ด้านทิศตะวันออกของพระมหาเจดีย์ชเวดากองจะมีพระพุทธรูปที่บรมครูพู่พู่อ่องประดิษฐานอยู่ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องงดงามมากและมีอักษรจารึกว่าเป็นพระพุทะรูปที่พู่พู่อ่องหรือโบโบอ่อง สร้างถวายไว้

                ใกล้ ๆ กันมีเจดีย์สีขาว ที่ลานเจดีย์มีรูปสิทธาหันหน้าสักการะสู่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง  สัณนิษฐานว่าเป็นรูปของบรมครูพู่พู่อ่อง สิทธามหาเวทย์ที่ชาวพม่า มอญ ไทยใหญ่ และผู้ศรัทธาให้ความเคารพนับถือ

                เมื่อเดือนมิถุนายน 2557 พระคณาจารย์จากประเทศไทย นำโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย  พระอาจารย์ภูไทย วัดเขาแก้วฯ  พระอาจารย์นอง วัดทุ่งเสลี่ยม และพระอาจารย์เภก วัดสิงห์คูยาง  ได้เดินทางไปสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากองและนำวัตถุมงคลไปอธิษฐานจิต ณ บริเวณด้านทิศตะวันออก ที่วิหารพระพุทธรูปพู่พู่อ่องสร้างถวาย

                วัตถุมงคลที่นำไปอธิษฐานครั้งนี้มีอาทิ  
                                                 
                           ล๊อคเก็ตบรมครูพู่พู่อ่อง และ แหวนเงินลงยายันต์ “สะตะปะวะ” (  อักขระยันต์ที่บรมครูพู่พู่อ่องจารยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง) จัดสร้างโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร  วัดเขาแก้วฯ  จ.สุโขทัย

                      ล๊อคเก็ตและวัตถุมงคลครูบาชัยมงคล  วัดไทรย้อย จ.แพร่

                นอกจากพระมหาเจดีย์ชเวดากองแล้วสถานที่ “ ยอดฮิต” ที่นักทัศนาจรไทยต้องไม่พลาดคือการไปขอพรเทพทันใจ และเทพกระซิบ  แต่ก่อนอื่นต้องขอแนะนำให้ไปสักการะ พระ เจดีย์โบดาทาวน์
 เจดีย์โบดาทาวน์   ตามตำนานเล่าขานว่า เมื่อราว 2000 ปีก่อน พระเจ้าโอกะลาปะ กษัตริย์มอญทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศาธาตุ ที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือดากอง ณ บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบตะทาวน์ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งแบ่งพระพุทธเกศา 1 เส้น มาบรรจุไว้ ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์เวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่2 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มย่างกุ้ง ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายพินาศ แต่ในระหว่างการบูรณะได้ค้นพบผอบทรงสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรม สารีริกธาตุ  ครั้นเมื่อเจดีย์โบ ดาทาวน์องค์ใหม่ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2496 จึงนำพระเกศธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใส ประดิษฐาน ณ ใจกลางเจดีย์ และทำช่องทางให้พุทธศาสนิกชนเดินเข้าไปดูและสักการบูชาได้อย่างใกล้ชิด
ในบริเวณลานเจดีย์โบดาทาวน์มีศาลาประดิษฐานรูปปั้น นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ ซึ่งผู้ศรัทธานิยมมากราบไหว้บูชา ด้วยเชื่อว่าอธิษฐานขอสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ

วิธีขอพรจากเทพทันใจ (นัตโบโบยี)      ลำดับแรกเตรียมเครื่องถวายสักการะเช่น มะพร้าม กล้วย ดอกไม้ ( มีขายในวัด ชุดละประมาณ  80 – 100 บาท ) จากนั้นให้เตรียมเงินธนบัตรไว้ 2 ใบใช้ได้ทั้งเงินพม่า เงินไทย โดยม้วนเป็นรูปกรวยซ้อนกัน จากนั้นนำไปใส่ไว้ที่มือของเทพทันใจ จากนั้นนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจที่ชี้มา พร้อมกันนั้นให้เราอธิษฐานสิ่งที่ต้องการขอพรเพียงแค่ 1 อย่างเท่านั้นจากนั้นให้เดินวน 3 รอบ ไหว้ท่านอีกสักรอบหน้าผากแตะไว้ที่นิ้วชี้ของเทพทันใจ และหยิบเงินที่ซ้อนในกรวยในมือท่านออก 1 ใบนำมาเก็บรักษาไว้ เป็นขวัญถุง ส่วนอีกหนึ่งในเป็นเงินทำบุญเป็นอันเสร็จพิธี
ต่อจากนั้นก้เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามมีอาคารประดิษฐานเทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย

ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค  ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล  ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต  ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว  
การบูชาเทพกระซิบ  หรือ นัต อะมาดอว์เมียะนั้น นอกจากบูชาด้วยมะพร้าว  กล้วยที่จัดไว้เป็นชุดแล้ว ยังนิยมบูชาด้วยน้ำนม และข้าวตอก รวมทั้งดอกไม้  ซึ่งมักจะเป็นดอกมหาหงส์ ที่คนพม่านิยมใช้บูชาพระกันทั่วไป 
เคล็ดในการขอพรจากเทพกระซิบคือต้องเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ และขอพรกับท่านเพียงข้อเดียว
แต่ก็มีหลายท่านที่อยากจะขอพรหลายข้อ  เช่นมีคุณป้ารายหนึ่งอยากขอพรหลายข้อหลายประการคือ
1 ขอให้ตัวเองถูกหวย  2 ขอให้ได้เลื่อนตำแหน่ง  3 ขอให้ลูกชายสอบเอ็นทรานซ์ติด   4 ขอให้ลูกสาวได้เป็นนางงาม  5 ขอให้สามีอย่ามีกิ๊ก ฯลฯ 
ทำไงดีล่ะเพราะเข้าไปกระซิบได้ครั้งละ 1 ข้อ    คนอื่นเขากระซิบเสร็จก็ออกไปรอข้างนอก คุณป้ารายนี้ยังวนเวียนเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเทพกระซิบรอบแล้วรอบเล่าสิริรวม 5 รอบ
ก้อไม่มีปัญหาอะไร...เขาให้กระซิบทีละข้อคุณป้าก็ทีละข้อ  แต่ห้ารอบเจ้าค่ะ

----------------------- 
ท่านที่สนใจวัตถุมงคลที่นำไปปลุกเสก ติดต่อที่ สุริยันจันทรา โทร 083-073-7515

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น