วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รวมวัตถุมงคลสายยาแดง พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร

รวมวัตถุมงคลสายยาแดง พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร

ท่านที่ติดตามนิตยสารพระเครื่องพุทะคุณในรอบปี 2557 ที่ผ่านมาจะสังเกตุว่ามีเรื่องเกี่ยวกับบรมครูพ่อครูทั้งสิบ ( สิทธามหาเวทย์ )แห่งเมืองม่าน (หรือเมียนมาร์ในปัจจุบัน ) รวมทั้งเรื่องวิชาสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ ปะถะมะสิทธิ เขาโปปามหาคีรีศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ

หลายท่านได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องวัตถุมงคลสายนี้  ดังนั้นเพื่อความชัดเจน จึงจะรวบรวมวัตถุมงคลสายยาแดงที่จะแนะนำให้ทราบโดยเริ่มจากวัตถุมงคลสายยาแดง จัดสร้างและปลุกเสกโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย  พระเกจิอาจารย์ที่ศึกษาสืบสานศาสตร์โบราณพระเวทล้านนาจนเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์
พร้อมกันนี้ท่านยังได้ทุ่มเทเวลาศึกษาเวทวิทยาคมสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ จากครูอาจารย์ อาทิ จากอาจารย์หย่วน   พ่อครูชาวไทยใหญ่แห่งอำเภอแม่สอด ผู้เชี่ยวชาญการสักยันต์สายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ
พระอาจารย์ภูไทย สนใจใส่ใจในการศึกษาพระเวทและยันต์สายยาแดง เมื่อมีโอกาสท่านจะเดินทางไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สืบค้นตำหรับตำรา อาทิที่มัณฑะเลย์  พุกาม เขาโปปา  ย่างกุ้ง สิเรียม หงสาวดี เมียวดี ฯลฯ และศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ในสายยาแดง
วัตถุมงคลสายยาแดงที่พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร จัดสร้างมีดังนี้

1.ผ้ายันต์บรมครูส่วยหยิ่นจ่อ จัดเป็นวัตถุมงคลสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ ลำดับแรกที่ท่านสร้างและนำขึ้นไปปลุกเสกที่ยอดเขาโปปา มหาคีรีศักดิ์สิทธิ์ ที่ห้องพ่อครูโพมินข่อง  ( บูชาผืนละ 199 บาท)

2.ตะกรุดปิยะสิทธิประสิทธิโชค  จารยันต์สายยาแดง พอกมวลสารผสมว่านไก่แดง ปลุกเสกเสาร์5 ปี 2557 (บูชา 300 บาท)

3.มีดหมอพลิกดวง ปราบมาร  ใบมีดทำจากผานไถ อุปเท่ห์พลิกดินพลิกดวง ใบมีด 7 นิ้ว จารยันต์สายยาแดง ด้ามมีดทำจากไม้มะขามฟ้าผ่า อุปเท่ห์ผู้คนเกรงขาม ปลุกเสกเสาร์ 5 ปี 2557 (บูชา 1,999 บาท)

4.ล๊อคเก็ตบรมครูพู่พู่อ่อง ด้านพลังบรรจุมวลสารและยันต์สายยาแดง นำไปปลุกเสกที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง  ย่างกุ้ง เมียนมาร์ ณ วิหารด้านทิศตะวันออกซึ่งมีพระพุทธรูปที่บรมครูพู่พู่อ่องสร้างประดิษฐานอยู่ ( บูชา 499 บาท)

5. แหวนเงินสุโขทัย ยันต์ สะตะปะวะ อันเป็นยันต์สุดยอดความศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวกันว่าบรมครูพู่พู่อ่องเคยเหาะขึ้นไปจารอักขระนี้ที่ยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ปลุกเสกที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง  ย่างกุ้ง เมียนมาร์ เช่นกัน (บูชา 500 บาท )

6.ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ อู่ซาหม่า เนื้อตะกั่ว แรกเริ่มเดิมทีสร้างเพื่อแจกผู้ร่วมบุญทอดกฐิน พ.ศ.2557 ต่อมามีผู้นำไปใช้มีประสบการณ์ดี ๆ ดัง ๆ กันหลายราย จนเป็นที่เสาะแสวงหากันเป็นอย่างยิ่ง

7.ผ้ายันต์แก้วสารพัดนึก สายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ  ขนาด 15 x 21 นิ้ว พิมพ์บนผ้ากำมะหยี่ เป็นยันต์มหามงคล อธิษฐานขอพรได้ดั่งแก้วสารพัดนึก เพิ่งจัดสร้างในวาระส่งท้าปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2558 ( บูชาผืนละ 399 บาท)

วัตถุมงคลสายยาแดงที่จัดสร้างโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร ติดต่อที่วัดเขาแก้วชัยมงคล โทร 085-40000-101และที่ สุริยันจันทรา 02-3992000 / 083-073-7515
รีบหาไว้เป็นเจ้าของ  รับรอง ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน

เยือนนครธม ชมปราสาทบายน

เส้นทางแห่งศรัทธา  
เยือนนครธม   ชมปราสาทบายน

    เส้นทางแห่งศรัทธาครั้งนี้ยังพาท่านท่องเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา เพื่อนใกล้ชิด มิตรใกล้บ้านของเรา   เมื่อมาเสียมเรียบก็ต้องนึกถึง นครวัด นครธม    คราวนี้เราจะนำท่านเจาะเวลาหาอดีตสู่ “นครธม” หรือที่ฝรั่งอั่งม้อเรียกว่า “อังกอร์ธม” (Angkor Thom)


นครธม  มีความหมายว่าเมืองใหญ่ ( ธม แปลว่า ใหญ่ ) ผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมเมืองพระนครจะต้องผ่านช่องประตูทางเข้าด้านทิศใต้จะได้พบกับความอลังการของหินทรายสลักเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประดิษฐานตระหง่านเหนือประตูทางเข้าเป็นจตุรพักตร์  ทอดพระเนตรลงมายังที่ต่ำประหนึ่งคอยดูแลสรรพสัตว์และรอยยิ้มที่เรียกว่า “ยิ้มแบบบายน “ ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณาแห่งของพระโพธิสัตว์ ทำให้ผู้ที่พบเห็นจะตราตรึงในความทรงจำมิอาจลืมเลือนไปได้  ๆ

  สองฝั่งของสะพานที่ทอดข้ามคูเมืองสู่เมืองพระนคร ด้านซ้ายเป็นศิลาทรายสลักเป็นรูปเหล่าเทวดากำลังออกแรงยื้อยุดฉุดลำตัวพญานาค ส่วนด้านขวาเป็นบรรดายักษ์กำลังฉุดดึงลำตัวพญานาคอยู่เช่นกัน  ทั้งนี้เนื่องด้วยตำนานกวนเกษียรสมุทร  
ปราสาทบายน ( Bayon ) เป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับว่าเป็นการอภิวัฒน์สถาปัตยกรรมของการสร้างปราสาทที่มีลักษณะแตกต่างจากการสร้างรูปแบบเดิม ๆ โดยสิ้นเชิง   ทั้งนี้เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา นิกายมหายานอย่างยิ่ง ต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ผ่านมาที่ล้วนแต่นับถือศาสนาพราหมณ์ที่สืบทอดมานาน
ปราสาทบายนทั้ง 54 ปรางค์สลักเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หันพระพักตร์ออกไปทั้งสี่ทิศ ตามคติแห่งพระโพธิสัตว์ที่ว่า..เพื่อสอดส่องดูแลทุกข์สุขของเหล่าบรรดาศาสนิกชนของพระองค์ให้อยู่อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข    รอยยิ้มที่แลดูสุขุมลุ่มลึกนี้เรียกว่ายิ้มแบบบายนเปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณา   พระพักตร์เหล่านั้นหากนับรวมกัน 54 ปรางค์ปราสาท     ปรางค์ปราสาทละ 4 พระพักตร์ จะมีใบพระพักตร์พระอวโลกิเตศวรรวม 216 พระพักตร์ แต่ปัจจุบันได้สึกกร่อนพังทลายลงไปหลาย พระพักตร์

                 นายปิแอร์ โลตี นักสำรวจประวัติศาสตร์โบราณคดีที่มีชื่อเสียง ได้บันทึกไว้ว่า  
 “ ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นไปยังปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุม ซึ่งทำให้ ตัวเองรู้สึกเหมือนคนแคระ และทันทีบันได เลือดในตัวข้าพเจ้าก็เกิดเย็นแข็งขึ้นมา เมื่อมองเห็นรอยยิ้มขนาดมหึมาที่กำลังมองลงมายังข้าพเจ้า แล้วก็รอยยิ้มอีกด้านหนึ่งเหนือกำแพงอีกด้านหนึ่ง แล้วก็รอยยิ้มที่สาม แล้วก็รอยยิ้มที่ห้า แล้วก็ที่สิบ ปรากฏจากทั่วสารทิศ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีตาคอยจ้องมองอยู่ทุกทิศทาง “
ปราสาทบายน  นครธม  คือนฤมิตกรรมที่สร้างขึ้นด้วยความเชื่อ ความเลื่อมใส
บนเส้นทางแห่งศรัทธาอย่างจริงแท้แน่นอน


ปราสาทสีชมพู นามว่า...บันทายศรี

เส้นทางแห่งศรัทธา  โดย สุริยันจันทรา
ปราสาทสีชมพู นามว่า...บันทายศรี
เส้นทางแห่งศรัทธา ฉบับนี้ถือว่าเป็นวาระพิเศษในการส่งท้ายปีเก่า เตรียมต้อนรับปีใหม่และร่วมต้อบรับ AEC นำไปทัวร์ประเทศเพื่อนบ้าน  หรือที่ยุคนี้เขาให้เรียกว่า “เพื่อนใกล้ชิด มิตรใกล้บ้าน” นั้นคือกัมพูชา หรือที่รู้จักกันในนามเขมรนั่นเอง
เป้าหมายที่จะไปคือ “เสียมเรียม” การเดินทางก็สะดวกมาก  จากกรุงเทพฯออกมอเตอร์เวย์ผ่านฉะเชิงเทรา ไปสระแก้วแล้วไปสุดแดนที่อรัญประเทศ  จากนั้นก็นั่งรถไปเสียมเรียม  ถนนหนทางลาดยางตลอด
ผู้คนทั่วโลกรู้จักเสียมเรียบ กัมพูชา ในฐานะเมืองที่ตั้งนครวัด นครธม  แต่ปราสาทแห่งแรกที่เราจะนำท่านไปเยือนนี้เป็นต้องนั่งรถจากเสียมเรียบไปอีก 30 ก.ม. ปราสาทนี้แม้ไม่ใหญ่โตอลังการแบบนครวัด แต่ก็ประทับใจแบบสุด ๆ มีมุมกล้องให้เลือกถ่ายได้มากมาย นี่และครับ.......ปราสาทบันทายศรี







ปราสาทบันทายศรี เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1,000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ
ปราสาทบันทายศรีหรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณที่เรียกว่า อิศวรปุระ หรือเมืองของพระอิศวร
ปราสาทแห่งนี้สร้างอุทิศถวายพระอิศวรภายใต้พระนามว่า "ตรีภูวนมเหศวร" หรือ "ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทั้งสาม" ปราสาทมีขนาดเล็ก สร้างด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งหายาก สร้างขึ้นเมื่อเดือนเมษายน - พฤษภาคม พ.ศ. 1510 โดยพราหมณ์ยัชญวราหะ ในตอนปลายของสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 (หรือพระเจ้า ชัยวรมันที่ 4 พ.ศ. 1487 - 1511) และเสร็จในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1554)
ผ่านประตูเข้าไปจะเห็นปราสาทองค์แรก สร้างอยู่เหนือฐานเดียวกันซึ่งสูง 90 เซนติเมตร ขนาบด้วยบรรณาลัย ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาตำราหรือวัตถุที่ใช้ในพิธีเคารพบูชา มีประตูเข้าทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซุ้มประตูหรือโคปุระนี้ ประดิษฐานปฏิมากรรมด้วยลวดลายที่งามวิจิตรอ่อนช้อย ลวดลายประดับที่ปราสาทบันทายศรี สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดาหรือนางอัปสรา ก็เต็มไปด้วยความสง่างามและมีชีวิตจิตใจ
นี่คือนฤมิตกรรมบนพื้นพิภพที่มิอาจหาคำบรรยายพรรณาได้ครบถ้วน นอกจากมาดื่มด่ำสุนทรียภาพด้วยโสตจักษุของท่านเอง...ปราสาทสีชมพู นามว่า...บันทายศรี

(ขอขอบคูณ ข้อมูล จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ***  ภาพโดย สุริยันจันทรา )