วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สีสะแลงแงง

สีสะแลงแงง  :  ของดีทั้งสี่รุ่น  เข้มขลังได้ดั่งใจ

            ครูบาชัยมงคล  ชยฺธมโม  ( พระครูโอภาสชัยมงคล )  เจ้าอาวาสวัดไทรย้อย  อ.เด่นชัย  จ.แพร่  เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้สืบสานไสยเวทย์วิทยาคมจากโบราณาจารย์คือหลวงปู่ครูบาขันแก้ว ผู้ทรงวิทยาคุณขมังเวทย์แห่งนครเชียงตุง
            หลวงปู่ครูบาขันแก้ว ท่านมีเชื้อสายเป็นชาวไทยใหญ่พำนักอยู่ในเชียงตุง ประเทศพม่า ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญด้านเวทย์มนต์คาถา การสร้างวัตถุมงคล การแก้อาถรรพ์ ปราบภูตผีปีศาจ ท่านได้เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมขลังให้ครูบาชัยมงคลที่ธุดงค์เดินทางจากจังหวัดแพร่ สยามประเทศไปกราบนมัสการขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคม
            ครูบาชัยมงคล ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า... เมื่อครั้งไปศึกษากับหลวงปู่ครูบาขันแก้ว ท่านได้ประสิทธิวิชาต่าง ๆ ให้โดยเฉพาะด้านอาถรรพ์เวทย์คาถาอาคมต่าง ๆ  และหนึ่งในสรรพวิชาคือการสร้างและปลุกเสกมหาภูติผู้ทรงอิทธิฤทธิ์นามว่า”สีละแลงแงง” ที่ยากนักจักมีใครรู้ศาสตร์นี้เพราะเป็นของสำคัญไม่ธรรมดา บุญไม่พาวาสนาไม่ส่งกุศลไม่หนุนบุญไม่นำอย่าหวังเลยว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสวิชาสุดยอดเช่นนี้   ท่านประสิทธิ์ประสาทวิชาการสร้างและปลุกเสกให้และกล่าวเป็นปริศนาว่า...ในภายภาคหน้าจักได้ใช้ให้เป็นประโยชน์
        หลวงปู่ครูบาขันแก้วปรารภว่า...ครั้งท่านเป็นสามเณรได้จาริกออกแสวงหาความรู้โดยเฉพาะด้านไสยศาสตร์ได้มีโอกาสศึกษากับอาจารย์ขมังเวทย์ชาวเขมรและได้เรียนวิชาการสร้างและปลุกเสก”สีสะแลงแงง” มหาภูติที่ต้องสร้างจากมวลสารอาถรรพ์และปลุกเสกตามแบบฉบับลับเฉพาะ สามเณรขันแก้วในครั้งนั้นได้เล่าเรียนจนสำเร็จ
       กาลต่อมาเมื่อท่านพำนักอยู่ที่วัดในเชียงตุง ประเทศพม่า ได้สร้างมหาภูติ ” สีสะแลงแงง ” ไว้คุ้มครองวัด 4 ตน ประจำทิศทั้งสี่   คราวหนึ่งมีเหตุการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ฝ่ายกองกำลังทหารพม่าได้ออกปราบปรามชนกลุ่มน้อย   เมื่อเข้ามาตรวจค้นบริเวณวัดกลับไม่พบร่องรอยต้องสงสัย มองไม่เห็นแม้กระทั่งวัดของหลวงปู่ครูบาขันแก้วแม้แต่น้อยและยกกำลังกลับไปในที่สุด  ทั้งนี้ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของ” สีสะแลงแงง ”ที่คุ้มครองรักษาวัดและพระภิกษุสามเณรนั่นเอง


      ”สีแสะแลงแงง” ตามตำนานกล่าวว่าเป็นมหาภูติเคยเป็นบริวารของพระศิวะมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์สถิตย์ ณ ไกรลาสมหาคีรี เคยได้รับพรจากมหาเทพให้มีฤทธิ์มีเดชเป็นที่กล่าวขานกันทั่วเทวโลก  กาลต่อมาได้เป็นทหารเอกของพญายมแห่งยมโลก  ”สีแสะแลงแงง” ท่านมีนิสัยแบบนักรบกล้าหาญชาญชัย พูดจริงทำจริง   เอกอุทางด้านคุ้มครองพิทักษ์รักษาและรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ล่องหน หายตัว ย่นระยะทาง   ครูบาชัยมงคล  ชยฺธมโม  ได้เก็บรักษาวิชานี้มาเป็นเวลานาน จนกระทั้งถึงเวลาอันควร กล่าวคือ  หลวงปู่บุญ  โสภโณ  วัดทุ่งเหียง  อ.พนัสนิคม  จ.ชลบุรี  ที่มีความตั้งใจสร้าง”สีสะแลงแงง”ได้มอบหมายให้ครูบาชัยมงคลเป็นเจ้าพิธีในการปลุกเสก “สีสะแลงแงง”
            สถานที่ใช้ในการปลุกเสกต้องตามตำราโบราณคือ  บริเวณหน้าเชิงตะกอน( เมรุ )อันสะท้อนถึงมรณานุสติ  ให้มนุษย์ทุกผู้ทุกนามได้เข้าใจในสังสารวัตร อันการเกิด แก่ เจ็บ ตาย  เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน
            พิธีกรรมที่เข้มขลัง  ต้องตามศาสตร์โบราณทั้งเครื่องเซ่นที่เน้นของสดของคาว เมรัย หมากพลู ยาสูบ  พานดอกไม้ ขันห้าขันแปด  บทสวดก็มีเฉพาะเจาะจง  ทั้งนี้เพื่อปลุกเสก “สีสะแลงแงง”  มหาภูติอย่างครบสูตรตามศาสตร์โบราณ
            หลวงปู่บุญ  โสภโณ สวดคาถาอธิษฐานจิต  บริกรรมมนตรามหาเวทย์  มหาอาคม  ครูบาชัยมงคล  ได้ร่ายพระเวทย์สาธยาย
            “สีสะแลงแงง” ที่นำมาปลุกเสกครั้งนี้สร้างด้วยผงอาถรรพ์ที่หลวงปู่บุญและครูบาชัยมงคลได้เสาะแสวงหามาครบตามตำหรับ อาทิ ดินเจ็ดป่าช้า เจ็ดป่า เจ็ดโป่ง เจ็ดนคร ผงพรายกุมารเจ็ดตน นำมารวมกันแล้วเสกคาถากำกับให้มีแต่คุณประโยชน์ไม่มีโทษไม่มีภัย
 รูปลักษณะ ด้านหน้าเป็นรูป “สีสะแลงแงง”  มหาภูติ  ผู้มีฤทธานุภาพทรงเครื่องแบบนักรบโบราณในท่าบริกรรมร่ายพระเวทย์   ด้านหลังเป็นยันต์ “มหาเวทย์  มหาอาคม”  พร้อมฝังตะกรุดเงิน “อุดมโชค โภคทรัพย์ มหาสมบัติ”
            ครั้นเมื่อพิธีการปลุกเสกเสร็จแล้ว  ได้อาราธนาหลวงปู่บุญ  โสภโณ  ประพรมน้ำพระพุทธมนต์และโปรยดอกไม้เพื่อความเป็นสิริมงคล
            ตามตำราโบราณศาสตร์แห่งการสร้างสีสะแลงแงงจะต้องหาร่างตัวแทนเพื่อสื่อกับ “ท่านสีสะแลงแงง”เพื่อขอทราบว่าพิธีกรรมการสร้าง การปลุกเสก เครื่องเซ่นสังเวย เป็นที่พอใจท่านผู้มีศักดิ์ใหญ่มีฤทธิ์มีเดชหรือไม่เพียงไร
            ครูบาชัยมงคล  ได้ขอให้ชายผู้หนึ่งที่มาร่วมพิธีโดยมิได้นัดหมายมาก่อน  เป็นผู้ถือสีสะแลงแงงไว้ แล้วครูบาชัยมงคลก็ร่ายพระเวทย์
            เหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผล  ชายผู้นั้นกำ”องค์สีละแลงแงง”ใว้ในมือแน่น ร่างกายเริ่มสั่นสะเทิ้น พูดจาโต้ตอบกับครูบาชัยมงคลเป็นภาษาแปลก ๆ เสียงดังชัดเจน  กังวาลลั่นวัดทุ่งเหียง เมื่อเสร็จการสนทนา อาการค่อย ๆ คลายกลายเป็นปกติ ( บันทึกเป้นวิดีโอไว้ ดูได้ที่เว็บ www.สุริยันจันทรา.com )
            ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นประจักษ์พยานได้ว่า “ท่านสีสะแลงแงง” ได้มาอนุโมทนาสาธุการพึงพอใจในพิธีกรรมและเครื่องเซ่นสังเวย  อีกจักส่งผลให้ผู้บูชาศรัทธา  ได้รับคุณประโยชน์  ได้รับความเป็นสิริมงคล  ได้รับความปลอดภัย  ได้โชคได้ลาภเป็นอเนกประการ
             ครูบาชัยมงคล  กล่าวว่า “สีสะแลงแงง  เป็นมหาภูติ  มหาเวทย์  มหาอาคม  อุดมโชค  ปราศจากโทษ  ไม่มีภัย  บูชาได้เป็นมงคล  เมื่อบูชาไปแล้ว วันแรกให้จุดธูป 7 ดอก บอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ตำบลแห่งแหล่งที่อยู่...ขอเป็นเจ้าของ “สีสะแลงแงง”  ขอให้ช่วยคุ้มครองรักษาท่านและครอบครัวให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จากนั้นก็ให้กล่าวขอสิ่งที่ดีงามอันไม่ขัดต่อศีลธรรม
            การบนบาน“สีสะแลงแงง”  นั้นจักต้องรักษาสัจจะ บนอะไรก็ต้องแก้บนตามนั้น  เคล็ดวิธีบูชาการบูชา“สีสะแลงแงง”  คือเซ่นด้วยเหล้าขาว ( เหล้าสีไม่โปรด) หยดลงองค์ท่าน (ซึ่งได้อัดกรอบพลาสติกเจาะรูด้านหน้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว)
            “สีสะแลงแงง”  เป็นภูติคล้ายกับ”กุมารทอง”ที่เป็นกุมารเป็นเด็ก  แต่สีสะแลงแงงเป็นภูติผู้ใหญ่มีฤทธิ์มีเดชมาก  ช่วยคุ้มครองพิทักษ์รักษาผู้เป็นเจ้าของ บอกกล่าวข่าวล่วงหน้าด้วยลางสังหรณ์ เฝ้าบ้านเฝ้าเรือกสวนไร่นา ( คล้ายกับการสร้างหุ่นพยนต์ )
ด้านขอโชคขอลาภก็ไม่เป็นสองรองใคร  หลายรายที่บูชาไปมาบอกกับหลวงปู่บุญที่วัดทุ่งเหียงว่า”...ทีแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...ก็ลองขอโชคขอลาภ  การขอก็ตั้งใจบนบาน เมื่อได้แล้วก็แก้บนตามสัจจะ  โชคดี รับทรัพย์ไปหลาย”


การจัดสร้างสีสะแลงแง รุ่นต่าง ๆ มีดังนี้
1.สีละแลงแงง เนื้อผง พิมพ์สี่เหลี่ยม  สร้างโดยหลวงปู่บุญ โสณโณ  วัดทุ่งเหียง องค์ละ 400 บาท  อัดกรอบพลาสติก องค์ละ 450 บาท





2.สีสะแลงแงง เนื้อผง พิมพ์ห้าเหลี่ยม  สร้างโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย องค์ละ 400 บาท  อัดกรอบพลาสติก องค์ละ 450 บาท



3. สีสะแลงแงง ( ปลุกเสกที่เขาโปปา พม่า ) เนื้อผงเข้มข้นพิเศษ เจิมผงสีชาด พิมพ์ห้าเหลี่ยม  สร้างโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย องค์ละ 500 บาท

4.สีสะแลงแงง  เนื้อทองเหลือง อุดผงใต้ฐาน ฝังตะกรุด  สร้างโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย องค์ละ 399 บาท  อัดกรอบพลาสติก 450 บาท  ( พิมพ์นี้ครูบาชัยมงคล ออกแบบเอง )



บูชาได้ที่    "สุริยัน จันทรา"   ซอยวชิรธรรมสาธิต 8   สุขุมวิท 101/1 เขตบางนา  กรุงเทพฯ  โทร 083-073-7515  / 02-399-2000  LINE  ID = 0830737515
     ท่านที่สนใจเครื่องรางของขลัง  ที่ได้ผลเร็ว  แรงด้วยอิทธิปาฏิหาริย์  บนได้ไหว้รับ
ต้องนี่เลย
                                  สีสะแลงแงง  :  ของดีทั้งสี่รุ่น  เข้มขลังได้ดั่งใจ

พ่อครูโพดอห่าน ตอน ผจญลูกสาวต่อเต็งโหย่ง

สิทธามหาเวทย์ โดย ทิพยจักร
พ่อครูโพดอห่าน ตอน  ผจญลูกสาวต่อเต็งโหย่ง
สายวิชายาแดงหรือยาสัจจะ เริ่มต้นตั้งแต่บรมครูโพโพอ่อง ซึ่งท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดวิชาให้กับพ่อครูสย่าเอและสย่าปิว ต่อมาพ่อครูสย่าเอและสย่าปิวจึงถ่ายทอดวิชานี้ให้กับพ่อครูสย่าปุ้ย ในยุคของพ่อครูสย่าปุ้ยท่านได้ขนานนามวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดนี้ว่า เอ็กซาติยะ
       ต่อมาพ่อครูสย่าปุ้ยได้ถ่ายทอดวิชาให้กับพ่อครูสย่าห่าน ในยุคของพ่อครูสย่าห่านได้ขนานนามวิชานี้ขึ้นว่า ส่วยหยิ่นจ่อ เอ็กซาติยะ

เรื่องราวของพ่อครูสย่าห่านน่าศึกษามาก เพราะมีเรื่องของการผจญภัยต่อสู้กับพ่อมดหมอผีมนต์ดำอยู่หลายครั้งภายหลังจากแม่มดมนต์ดำต่อเต็งโหย่งพ่ายแพ้แก่บารมีธรรมของพ่อครูโพดอห่านแล้ว ลูกสาวคนหนึ่งเกิดความเคียดแค้นในพ่อครูโพดอห่านมาก จึงคิดแก้แค้นให้แม่ของตน

มาวันหนึ่งขณะที่พ่อครูโพดอห่านกำลังขายบุหรี่ให้ชาวจีนในเมืองเมาะละแหม่ง เผอิญได้เห็นหญิงคนหนึ่งหยิบของในร้านชาวจีนมากมาย พอจะออกจากร้านกลับจ่ายเงินให้เพียงนิดเดียวไม่สมกับของที่เอาไป ชายจีนเจ้าของร้านก็ไม่ว่ารับเงินแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เป็นที่แปลกใจของพ่อครูโพดอห่านมากจึงถามกับเจ้าของร้านชาวจีนนั้นว่าไม่เห็นรึว่าผู้หญิงคนนั้นเอาของไปตั้งเยอะแต่จ่ายเงินให้ท่านนิดเดียว
เจ้าของร้านบอกว่าเห็น แต่ไม่กล้าว่าอะไร เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นอ็อกลาน เป็นแม่มดมนต์ดำ มีวิชาปลอ่ยของเข้าท้องคนทำให้ตายได้ ใคร ๆ ก็กลัวนางคนนี้ทั้งสิ้น เพราะสามารถเสกลูกมะพร้าว หนังวัวหนังควาย ตะปูเข้าท้องได้หมด นับว่าเป็นผู้มีวิชาแก่กล้ามาก
แม่มดอ็อกลานล่วงรู้สิ่งที่พ่อครูโพดอห่านสนทนากับพ่อค้าชาวจีน ก็ไม่พอใจหมายจะลองวิชาฆ่าพ่อครูให้ได้ วันรุ่งขึ้น แม่มดอ็อกลานจึงมาดักรอพ่อครูแล้วเชิญให้ไปรับประทานอาหารที่บ้านของตน พ่อครูโพดอห่านจำหน้าไม่ได้นึกว่าจะเป็นลูกค้ามาติดต่อขอซื้อบุหรี่ก็ไปด้วย พอไปถึงนางแม่มดอ็อกลาน นำอาหารออกมามากมาย มีผัดถั่วงอก ปลาทอด น้ำพริก ฯลฯ พ่อครูโพดอห่านแปลกใจว่าทำไมจึงเอาอาหารมากมายขนาดนี้ ชะรอยจะมาลองวิชาหรือมีพิรุธอย่างหนึ่งอย่างใด ในขณะที่นางแม่มดอ็อกลานเดินกลับเข้าไปในครัว พ่อครูก็เอามือโบกเหนือสำรับกับข้าวแล้วสั่งด้วยวาจาสิทธิ์ว่า เป็นมาอย่างไรให้คืนสภาพเป็นอย่างนั้น ปรากฏว่ากับข้าวบางจานนั้นเช่นผัดถั่วงอกกลับกลายเป็นหนอนยั้วเยี้ยไปหมด ส่วนปลาทอดกลายเป็นเส้นผมผีตายโหงและหนังวัวเสก ถ้ากินลงไปก็ถึงตาย

 เมื่อพ่อครูรู้แล้วก็โบกมือให้ทุกอย่างกลับเป็นอาหารเหมือนเดิม แล้วสั่งด้วยวาจาสิทธิ์ว่า ขอให้ทวยเทพที่ทำหน้าที่ผูกมัดจงมัดภูติผี เมื่อนางแม่มดมานั่งร่วมวง พ่อครูก็รับประทานอาหารตามปกติ ส่วนนางแม่มดอ็อกลานนั้นทันทีที่มานั่งก็เกิดอาการขยับตัวไม่ได้เหมือนโดนผูกมัด เพราะทวยเทพยดาที่ทำหน้าผูกมัดได้มัดไว้แล้วด้วยเชือกทิพย์
พ่อครูรับประทานอาหารได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทานเสร็จก็ขอบคุณขอตัวลากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่บัดนี้นางแม่มดอ็อกลานกำลังทุรนทุรายเพราะโดนผูกมัดด้วยอำนาจวาจาสิทธิ์อยู่ จึงร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อครูพร้อมทั้งรีบขอขมาในสิ่งที่ตนเองทำลงไป
พ่อครูหันมาถามว่าท่านรับรองเลี้ยงดูเราอย่างดีแล้วมาขอขมาเรื่องอะไร ตอนนี้แม่มดอ็อกลานสารภาพหมดเปลือกว่า ไม่พอใจที่พ่อครูคุยกับเจ้าของร้านชาวจีน วันนี้เชิญมาบ้านเสกเส้นผมผีตายโหง ตะปู หนังวัว ให้เป็นอาหารหมายให้ท่านกินเข้าไปจะได้ตาย แต่วิชากลับทำอะไรไม่ได้ มาตอนนี้เนื้อตัวเหมือนโดนมัดเจ็บปวดไปหมดขยับก็ไม่ได้ ขอให้ท่านช่วยด้วย
ทางพ่อครูกำหนดรู้ว่าแม่มดอ็อกลานยอมแพ้ จึงสอนว่าคราวหลังอย่าได้ไปทำแบบนี้กับผู้ใดอีกเพราะเป็นบาปเป็นกรรม  ถ้าทำอีกจะโดนลงโทษเช่นนี้ เมื่อแม่มดอ็อกลานยอมทุกอย่าง พ่อครูจึงสั่งด้วยวาจาสิทธิ์ว่าให้คลายออก แล้วลานางไป
ชัยชนะของพ่อครูโพดอห่านทุกครั้งล้วนเกิดจากคุณธรรม คุณงามความดีของท่านทั้งสิ้นประกอบกับตัวยาที่สักไว้ในตัวจึงเกิดอิทธิฤทธิ์ไปในการปราบคุณไสยมนต์ดำได้อย่างน่าอัศจรรย์ ความสามารถนี้เกิดได้กับผู้ที่ผ่านการสักยาสัจจะทุกท่าน ทั้งนี้มีความเคารพในพระรัตนตรัย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ถือสัจจะด้วยความจริงใจ ผู้ที่ประพฤติตนได้เช่นนี้ย่อมเกิดอิทธิฤทธิ์จากอำนาจครูที่จะบันดาลให้มีอำนาจเหนือภูติผีปีศาจมารร้ายทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์

ตำนานพ่อครูของวิชาสายยาสัจจะนั้น แต่ละท่านล้วนประกอบคุณงามความดี มีความอดทนมีความเพียรไม่ย่อท้อต่อการสร้างความดีแห่งตน และมีสัจจะจริงใจ ตั้งมั่นในคุณธรรม ท่านทั้งหลายจึงมีคุณวิเศษเป็นที่เลื่องลือจนมาถึงทุกวันนี้ วิชาสายยาสัจจะนั้นเป็นวิชาที่มีอิทธิฤทธิ์มาก และเป็นวิชาทางช่วยเหลือผู้คนดังนั้นผู้ที่รับวิชานี้จึงต้องมีศีล มีธรรมมีเมตตาจึงสามารถรับวิชานี้ไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
ผู้ที่เข้าถึงวิชาสายยาสัจจะมีความเคารพเชื่อมั่น เมื่อพบกับผู้โดนคุณไสยฯ แม้ว่าไม่รู้คาถาสักตัว ก็สามารถใช้วาจาสิทธิ์ของตนสั่งให้ผีออกจากร่างหรือสั่งให้คุณไสยมนต์ดำเสื่อมฤทธิ์ออกมาจากร่างของผู้ป่วยได้ เพราะวิชายาสัจจะนั้นตราบเท่าที่เรายังรักษาสัจจะที่ไว้กับครู มีศีลมีธรรม ตราบนั้นเนื้อตัววาจาใจของเราจะศักดิ์สิทธิ์ตามฤทธิ์อำนาจยาไปด้วย

คุณธรรม ศีลธรรม จึงนับเป็นหัวใจสำคัญของอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย วาจาจะศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็ต้องมีสัจจะความจริง จิตใจจะมีฤทธิ์ได้ก็ต้องมีสติ มีสมาธิ มีคุณธรรม ศีลธรรม ผู้ใดที่รักษาความประพฤติได้ตามนี้ย่อมรักษาอำนาจกายสิทธิ์แห่งวิชาและย่อมพบแต่สิ่งที่ดีงามเสมอไป


ปราสาทตาพรหม

เส้นทางแห่งศรัทธา
ปราสาทตาพรหม
นครวัด นครธม เป็นมรดกโลกที่คนทั่วโลกรู้จัก และโบราณสถานที่หนังฝรั่งจากฮอลีวู๊ดมาใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายทำจนโด่งติดหูติดตาคอหนังคือปราสาทโบราณที่มีต้นไม้ยืนทะมึนหยั่งรากปกคลุมในหนังทูมไรเดอร์ที่ดาราดังแองเจลลีน่า โจลี่ เป็นดารานำนั้นก็คือ...ปราสาทตาพรหม

     ปราสาทตาพรหม   สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 เป็นปราสาทหินในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร ปราสาทเหล่านี้ถือว่าเป็นพุทธสถานที่สมัยนั้นพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองเพราะสมัยนั้นกษัตริย์ที่สนับสนุนให้มีการสร้างปราสาทนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ และเป็นวิหารหลวงในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

     ทางเข้าประกอบด้วยโคปุระชั้นนอกและชั้นใน บริเวณผนังที่อยู่เชื่อมระหว่างโคปุระชั้นนอกและชั้นในมีการสลักภาพตามคติธรรมของพุทธศาสนานิกายมหายาน ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 เพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 คือพระนางชัยราชจุฑามณีผู้เปรียบประดุจกับพระนางปรัชญาปรมิตา ซึ่งหมายถึงผู้ที่ทีความเป็นเลิศ เป็นเทวีแห่งปัญญาหรือพระมารดาแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง ซึ่งหมายถึงเมื่อพระองค์เป็นอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระราชมารดาของพระองค์จึงเปรียบดังพระนางปรัชญาปรมิตาเช่นกัน

     ต่อมาปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่ถูกปล่อยให้อยู่กับธรรมชาติ หลังจากการคันพบปราสาทต่างๆ โดยชาวผรั่งเศส แต่เดิมนครวัดเองก็อยู่ในลักษณะเช่นนี้ก่อนที่จะมีการบูรณะในต้นพุทธศตวรรษที่ 25 ในขณที่ปราสาทตาพรหมถูกเก็บรักษาไว้เพื่อให้เห้นสภาพที่แท้จริงว่าปราสาทอยู่กับธรรมชาติมาได้เกือบ 500 ปี อันเป็นอีกมุมมองหนึ่งเพื่อให้เห็นลักษณะของต้นไม้ที่เกาะกุมปราสาท
     สัณนิษฐานว่าแต่เดิมก่อนสร้างปราสาทนั้นสภาพบริเวณนี้เป็นป่ามาก่อน เมื่อจะสร้างปราสาทจึงต้องปรับพื้นที่ให้เป็นที่โล่ง โดยการตัดไม้ออก แต่ในที่สุดแล้วธรรมชาติก็สามารถที่จะเอาชนะถาวรวัตถุที่ถูกสร้างจากมนุษย์ ต้นไม้ที่เกาะกุม ชอนไชไปยังส่วนต่างๆ ของปราสาททำให้บรรยากาศปราสาทตาพรหมดูลึกลับ ไม่เหมือนกับปราสาทใดๆ

     จุดเด่นของปราสาทตาพรหม คือบรรยากาศที่ดูลึกลับ เข้มขลังและที่ต้นไม้ยักษ์ที่รากชอนไชโอบรัดเหมือนหนวดปลาหมึกยักษ์อันทรงพลัง
     แต่ที่ลึกล้ำเมื่อได้มาทัศนาโบราณสถานแห่งนี้ก็คืออมตะวาจาที่ว่า  สรรพสิ่งใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง....
ธรรมชาติคือสัจจะ  ธรรมชาติคือผู้ชนะ