จากประสบการณ์จริงของ ทิพยจักร
ผู้ที่จะเข้ารับการสักวิชายาแดงนั้น ก่อนเริ่มพิธีสักยาแดง ครูบาอาจารย์จะมีพิธีกรรมหนึ่งเป็นการทดสอบว่าคนผู้นั้นมีพลังงานแฝงอะไรอยู่หรือไม่ ถ้ามีต้องเชิญต้องถอนออกก่อนจึงสักยาแดงให้ได้
ครูบาชัยมงคลทดสอบวิชาให้ดูเป็นขวัญตา
การทดสอบก่อนการสักว่ามีอะไรแอบแฝงนี้ยังเป็นเคล็ดวิชาที่สามารถนำมาพลิกแพลงได้โดยพิสดารอีกด้วย อย่างท่านครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย จ.แพร่ เวลาท่านจะให้จะประสิทธิวิชาของขลังในสายปะฐะมะสิทธิอันมีครูพู่พู่อ่องและโพมินข่องเป็นบรมครูนั้นท่านก็ใช้วิชาในลักษณะเดียวกันนี้ โดยผู้จะรับของให้นั่งแล้วเหยียดขาไปข้างหน้า จากนั้นท่านจะทดสอบว่าครูอยากไปอยู่กับคนผู้นั้นหรือไม่ พอใจคนผู้นั้นหรือเปล่า โดยกล่าวคาถาเชิญครูแล้วให้องค์ครูที่เป็นพลังงานอันมองไม่เห็นนั้นกดทับขาไว้ หรือแฝงลงในร่างเพียงบางส่วนซึ่งไม่ทำให้หมดสติเหมือนการถูกประทับทรง ผู้ที่ถูกทดสอบจะมีสติสัมปะชัญยะสมบูรณ์ทุกประการแต่จะไม่สามารถควบคุมร่างกายบางส่วนได้ โดยครูบาท่านจะขอเชิญครูให้กดขาไว้ แล้วอธิฐานบอกกล่าวครูว่า ถ้าท่านพอใจให้กดขาคนผู้นี้ไว้ ถ้าไม่พอใจให้ปล่อยเขา จากนั้นให้ลองยกขาดู ถ้ายกไม่ได้แสดงว่าครูท่านพอใจจึงมาเล่นด้วยหรือมาประทับลงในสังขาร ถ้าครูลงมาแบบนี้ก็สามารถเชิญวัตถุมงคลกลับไปบ้านได้และเชื่อมั่นได้เลยว่าครูมาอยู่มาคุ้มครองมาอวยพรให้กับเราแน่นอน แต่ถ้าอธิษฐานดูแล้วก็สามารถยกขาได้ตามปกติ ไม่มีอะไรแสดงว่าครูท่านไม่อยากมา แบบนี้ก็ไม่ควรเอาของไป เพราะครูท่านไม่ต้องการ
ผู้เขียนเองสังเกตการทำพิธีกรรมนี้อยู่ระยะหนึ่ง เชื่อมั่นว่าครูบาชัยมงคลท่านเชิญครูได้แน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเราเองจะสื่อกับครู เพราะปกติแล้วเป็นคนที่ไม่รู้สึกหรือน้อมใจไปในอะไรง่ายๆ และเหมือนว่าครูบาชัยมงคลท่านจะรู้ใจ ท่านหันมาคุยกับผมพร้อมกับบอกว่าเอ้าไหนลองมานั่งดู จะให้พระไปบูชาที่บ้านองค์นึง ลองดูนะว่าครูท่านอยากไปด้วยรึเปล่า
ทีแรกคิดกลัวว่าครูบาท่านจะเหนื่อยเปล่าอย่างไรเสียเราก็คงยกขาขึ้นแน่ๆ ด้วยความเกรงใจก็นั่งเหยียดขาให้ครูบาท่านลองประกอบพิธีของท่านดู ท่านท่องพระคาถาสักพักเดียวไม่เกินสามนาที รู้สึกได้เลยว่ามีเหมือนมวลอากาศหนักๆมากดที่ขาของเราตั้งแต่ต้นขาไปถึงปลาย แต่ในใจก็คิดว่ายังไงเราก็น่าจะยกขาได้อยู่ดี
พอครูบาชัยมงคลท่านอธิษฐานบอกกล่าวกับครูบาอาจารย์เสร็จเรียบร้อย ซึ่งมีเนื้อความว่าถ้าครูบาอาจารย์ชอบสังขารนี้อยากอยู่ด้วย ให้กดขา ให้ลงประทับที่ขา ให้ขายกไม่ขึ้น ท่านกล่าวประมาณนี้ จากนั้นท่านก็บอกให้เราลองยกขาดู ปรากฏว่ามันแปลกจริงๆที่เราพยายามจะยกขาให้ขึ้นแต่มันกลับไม่ขึ้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าท่านสามารถทำได้ ผมเองผู้ทดลองกับตัวก็แปลกใจไม่น้อยสติเราก็ดีทุกอย่าง กำลังเราก็ดี แต่เมื่อลองยกขามันกลับยกไม่ขึ้น คล้ายๆว่ามันไม่ใช่ขาของเรา หรือเหมือนมีอะไรมากดไว้ เป็นเรื่องที่บอกไม่ถูกจริงๆ
การทดสอบครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สร้างความแปลกใจให้ผู้เขียนมิใช่น้อยในวิชาอาคมของครูบาชัยมงคลท่าน แต่ไม่เพียงเท่านั้นครูบาชัยมงคลให้ทดลองครั้งที่สองกับล็อกเก็ตของพ่อครูโพมินข่อง ที่ท่านเพิ่งสร้างและเพิ่งเสกต่อหน้าต่อตาผู้เขียนเลย การเสกนั้นครูบาชัยมงคลท่านทำง่ายๆโดยกล่าวคาถาอัญเชิญครู จากนั้นอธิษฐานบอกกล่าวพ่อครูโพมินข่องให้ท่านทราบถึงเจตนาในการสร้าง ขอให้ท่านมาเสกให้มาอนุโมทนา ท่านทำการบอกกล่าวไม่เกิน ๕ นาทีก็เสร็จ จากนั้นท่านหันมาคุยว่า การเสกของที่เป็นรูปครูบาอาจารย์อย่างพ่อครูโพมินข่องนั้น เราเสกท่านไม่ได้หรอกของแบบนี้ ให้ท่านมาเสกเอง การที่เราบอกกล่าวครู เพียงแค่ครูท่านรู้ด้วยทิพยญาณแล้วท่านกล่าวอนุโมทนาในการสร้างของเราเท่านี้ก็สำเร็จบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นแล้ว
พอท่านอธิบายจบก็เรียกผู้เขียนไปทันที บอกให้กำล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่องไว้ จากนั้นท่านกล่าวคาถาอัญเชิญครู อีกครั้ง ผู้เขียนหลับตากำหนดจิตสักพักรู้สึกเหมือนกันว่ามีมวลพลังงานบางอย่างมาทางด้านขวามือ ความรู้สึกก็คล้ายๆกับมีคนมายืนด้านหลังทางขวาของเรา พอจับความรู้สึกได้ก็ลืมตาขึ้นมาคิดว่าถ้าเราหลับตาทำสมาธิต่อพลังงานของครูคงมาแฝงร่างเราแน่นอน เพราะพลังงานของท่านเพียงเข้ามาใกล้ๆก็รู้สึกได้ว่ามีพลังงานมากทีเดียว ผู้เขียนจึงลืมตาขึ้นแล้วบอกครูบาท่านว่ารู้สึกแล้วครับผม รู้สึกว่าท่านมายืนใกล้ๆ พร้อมกับบอกท่านว่านี่ถ้าทำพิธีต่ออำนาจครูท่านคงแผ่พลังงานเต็มตัวผมแน่ๆและไม่แน่ว่าอาจมีการของขึ้นหรือไม่อาจควบคุมร่างกายได้ เพราะถูกพลังงานจากองค์ครูกำลังแสดงฤทธิ์ให้เกิดปีติอย่างโลดโผนขึ้น
ครูบาชัยมงคล ได้อธิบายว่ามันเป็นหลักของพลังงาน ที่ผู้สามารถสื่อพลังงานได้นั้นสามารถโยกย้ายพลังงานให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการและสามารถผูกหรือตรึงพลังงานนั้นไว้ให้อยู่กับที่ สิ่งเหล่านี้จะถูกควบคุมได้ด้วยกำลังของสมาธิจิต
สมัยก่อนอาจารย์ของครูบาชัยมงคลซึ่งมีนามว่า ปะขาวมี ท่านมีจริยาเหมือนพระแต่ท่านเป็นผ้าขาว ทรงศีลบริสุทธิ์ ท่านนับถือพ่อครูโพมินข่องมาก หิ้งพระท่านจะเล็กๆมีเพียงพระพุทธกับรูปปั้นของพ่อครูโพมินข่องประดิษฐานอยู่ เวลาคนมาขอความช่วยเหลือเจ็บป่วยจากการถูกทำด้วยคุณไสยหรือโดนผีเข้าท่านก็จะรักษาให้ โดยชูมือขึ้นแล้วมองไปที่รูปปั้นของพ่อครูโพมินข่อง พักเดียวก็เอามือที่ชูขึ้นสักครู่มาลูบขา มาปัดตรงที่ปวด แปลกแต่จริงเพียงแค่นั้นคนที่เจ็บป่วยก็หายจากอาการเจ็บเป็นปลิดทิ้ง ขาที่บวมๆอยู่ถึงกับยุบลงทันตาเห็น เป็นเรื่องที่แปลกมาก ท่านอาจารย์ปะขาวมียอกให้ครูบาชัยมงคลท่านศึกษาศาสตร์นี้เอาไว้เพราะจะช่วงสงเคราะห์คนได้ในภายภาคหน้า ซึ่งครูบาท่านก็ได้ศึกษาและนำมาสงเคราะห์ผู้ที่เจ็บป่วยจากคุณผีคุณคน โดยทุกครั้งก็จะระลึกถึงพ่อครูโพมินข่อง เอามือข้าวหนึ่งชูขึ้นรับพลังของท่านเหมือนที่ปะขาวมีท่านเคยสอนไว้ ครั้งหนึ่งมีคนผีเข้ามาให้รักษา ก็รักษาให้ตามแบบฉบับที่อาจารย์ปะขาวมีสอน ชูมือข้างหนึ่งขึ้นตั้งจิตถึงพ่อครูโพมินข่องจากนั้นเอามือข้างดังกล่าวมาลูกขา ปรากฏว่าคนที่ผีเข้ามีอาการร้อนเหมือนโดนไฟลน ไม่กี่อึดใจผีที่แฝงอยู่ในตัวทนไม่ได้ต้องออกไปทันที
ศาสตร์แบบนี้อยู่ที่ความศรัทธาและแรงครูบาอาจารย์ จึงสามารถสร้างปาฏิหาริย์หรือสงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยากสำเร็จที่สำคัญคือต้องมีจิตใจบริสุทธิ์เป็นเรื่องของการสงเคราะห์ช่วยเหลือกันจริงๆไม่ใช่เอาวิชามาหากินเพื่อหวังเงินทองลาภสักการะแต่อย่างใด
ในปัจจุบันท่านครูบาชัยมงคลได้จักสร้างล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่องผู้วิเศษแห่งเมืองม่าน โดยอาศัยการเชิญบารมีและญาณทิพย์ของท่านมาอธิษฐานจิตร่วมอนุโมทนาในการสร้างมงคลวัตถุและอาศัยหลักวิชาแห่งการขับเคลื่อนพลังงานแฝงเร้นแลการตรึงพลังงานให้อยู่ภายในมงคลวัตถุเพื่อให้เกิดปาฏิหาริย์แห่งพลังงานกับผู้ที่นำไปบูชา ซึ่งปรากฏว่าผู้ที่ได้นำไปจะเห็นผลในด้านต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งเรื่องเมตตา การปกป้องคุ้มครอง การขับไล่สิ่งอัปมงคล ถอนอาถรรพ์ต่างๆ เหล่านี้เห็นผลดีกันมามากจนของที่สร้างขึ้นไว้ไม่เพียงพอกับความต้องการ
ท่่านที่สนใจล๊อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง ติดต่อได้ที่ วัดไทรย้อย ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ. แพร่
โทร 054-661063 / 084-322-1859
และที่ สุริยันจันทรา โทร 02-399-2000 / 083-073-7515