ท่านพ่อครูโพมินข่อง บรมครูผู้อยู่เหนือสมมุติ โดย ทิพยจักร
คงเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยเราสำหรับภาพของหลวงปู่สรวง
หรืออย่างทางเหนือซึ่งมีครูบาผ้าลาย
ครูบาอาจารย์เหล่านี้ล้วนทำตัวแปลกประหลาดกว่าคนทั่วไปคือไม่ยึดเรื่องเสื้อผ้า
เครื่องแต่งกายจนคนทั่วอาจสงสัยในปฏิปทา
บ้างก็เข้าใจว่าท่านผิดปกติอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นต้น
แค่หากเราศึกษาเรื่องราวของผู้บรรลุธรรมให้ดีจะพบว่าการที่ผู้ปฏิบัติธรรมชั้นสูงบางท่านท่านทำตัวออกนอกกรอบ
ออกนอกความเข้าใจในสมมุติของคนทั่วไปนั้นก็เป็นเพราะว่าท่านเหล่านั้นพ้นจากสมมุติบัญญัติไปแล้ว
ในสายพ่อครูเมืองม่าน
ผมบอกได้เลยว่าครูบาอาจารย์หลายท่านล้วนเป็นผู้อยู่เหนือสมมุติ
ท่านเหล่านั้นเป็นอริยะบุคคลที่กราบไหว้ได้โดยสนิทใจ แม้ท่านเหล่านั้นมิได้เป็นพระภิกษุสงฆ์
แต่เรื่องศีล
เรื่องภาวนาของท่านล้วนลี้ลับละเอียดอ่อนมหัศจรรย์เกินกว่าจินตนาการของพวกเราทั่วไปอย่างแน่นอน
ความเหนือสมมุติหรืออย่างที่ผมจ่าหัวข้อไว้ว่าบรมครูผู้อยู่เหนือสมมุตินั้นที่เห็นได้ชัดเจนท่านนึงก็คือ
ท่านพ่อครูโพมินข่อง
ท่านพ่อครูโพมินข่องท่านนี้เป็นผู้ที่มีธรรมลึกลับ
สำเร็จภูมิจิตชั้นไกวัลย์ภูมิ ข้ามโคตรปุถุชนทรงอภิญยาสมาบัติ
มีฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งหลายมาแล้วเป็นอันมาก
ทราบมาว่าแต่เดิมท่านบวชเป็นภิกษุ
ไปภาวนาในป่ามานานกว่า ๒๐ ปีหลังจากนั้นท่านจึงออกจากป่ามาโปรดญาติโยม
แต่การออกจากป่ามาโปรดคราวนี้ท่านกลับมีพฤติกรรมแปลกๆ
ใครที่เห็นประติมากรรมของพ่อครูโพมินข่องจะเห็นได้ว่าบางรูปท่านไว้ผมยาว
บางรูปท่านไว้ผมสั้นจนเรียกว่าผมเกรียนก็ว่าได้
การแต่งกายของพ่อครูโพมินข่องก็เช่นกันบางรูปเห็นเป็นสวมจีวรคล้ายพระ บางรูปนุ่งผ้าลาย
บางรูปทำท่าอุ้มไก่ชน(ข้อนี้มีลักษณะเหมือนหลวงปู่สรวงนะครับ)
และรูปส่วนมากท่านนั่งขัดสมาธิไขว้ขามือข้างหนึ่งยกน้ำชาดื่มหรือยาสูบ
ว่ากันตรงๆแล้ว
ท่านครูโพมินข่องหนึ่ง หลวงปู่สรวงหนึ่ง พระจี้กงหนึ่ง
ล้วนมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด ในความคล้ายคือ ท่านถือหลักไม่อยู่ในสมมุติ
เสื้อผ้าอะไรก็ได้ ทำกิริยาเหมือนไม่ให้น่านับถือ
แต่ศีลวัตรนั้นละเอียดอ่อนมากด้วยอภิญญา
หรือจะบอกว่าคล้ายพวกเซียนในโป๊ยเซียนที่เมื่อสำเร็จแล้วมักแกล้งแปลงกายไม่ให้เป็นที่สนใจทำตนเป็นขอทานบ้าง
เป็นวณิพกบ้างร่อนเร่ไปเรื่อย เมื่อพบเจอใครที่ตกทุกข์จึงฉุดช่วยไปตามวาสนาบารมี
พ่อครูโพมินข่องก็เหมือนกันภายหลังจากท่านบรรลุธรรมอย่างหนึ่งอย่างใดท่านก็เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลองใจคนรวมทั้งเป็นการสอนคนไปในตัว
เพราะความเป็นพระผู้ประเสริฐนั้นมิได้อยู่ที่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
เพราะแม้นโกนหัวห่มผ้าเหลือง แต่ใจไม่มีศีลก็มีถมไปให้เห็นอยู่มากนัก
แต่ความเป็นพระภายในนั้นเป็นเรื่องของใจโดยตรง
สิ่งนี้คือสิ่งที่พ่อครูโพมินข่องคงสอนโดยการแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง
จึงกล่าวได้ว่าสิ่งที่พ่อครูโพมินข่องแสดงออกมาเป็นทั้งปริศนาธรรมและเป็นการสื่อให้เห็นว่าองค์ท่านพ้นสมมุติโลกไปแล้วแน่นอน
สมมุติบัญญัติ คือ สิ่งที่ไม่จริงไม่ใช่สัจธรรมเป็นเพียงเรื่องที่ชั่วคราว
สมมุติให้หมายรู้จำได้เรียกถูกเท่านั้น ตกอยู่ในพระไตรลักษณ์คืออนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา ผู้ที่พ้นสมมุติบัญญัติไปแล้วนั้น คือผู้เข้าถึงปรมัตถ์ธรรม คือการเข้าถึงความจริงแท้ที่ไม่มีเสื่อม
พ้นจากสมมุติก็คือวิมุตติ เป็นความบริสุทธิ์เหนือโลก
เหนือความคาดความเดาความคิดความนึกทั้งปวง
ผู้ที่เป็นปุถุชนต่อให้คาดเดาอย่างไรในพระผู้พ้นสมมุติก็ไม่มีวันถูกต้องไม่มีวันเข้าใจได้
อำนาจบารมีรัศมีความสั่นสะเทือนเลื่อนโลกของพระผู้พ้นสมมุตินั้นเป็นพลังงานบริสุทธิ์มีกำลังมหาศาล
ดวงปัญญาแสงสว่างแห่งปัญญาของผู้เห็นธรรมชั้นนี้เป็นแสงสว่างที่ล่วงอานุภาพแห่งพระอาทิตย์พระจันทร์และเทวานุภาพทั้งปวง
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้คงไม่แปลกใจว่าบารมีของพ่อครูทั้งหลายในเมืองม่านนั้นมากมายด้วยบารมีขนาดไหน
อย่างพ่อครูโพมินข่องนั้น
ผมเคยถามครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อยว่าบารมีท่านขนาดไหนกันเชียว
ครูบาชัยมงคลเล่าว่าตั้งแต่ท่านไปปราบอาถรรพ์ถอนคุณไสยต่างๆมายังไม่เคยมีที่ไหนที่บารมีของพ่อครูโพมินข่องจะทำไม่ได้
ไปที่ใดก็ตามเมื่ออาราธนาบารมีพ่อครูโพมินข่องที่นั้นก็พ้นจากอำนาจมืดมนดำทั้งสิ้น
แสดงให้เห็นอานุภาพจากพ่อครูโพมินข่องว่ายิ่งใหญ่จริง
และบารมีท่านเป็นระดับพระอริยะเจ้าที่ทรงอภิญญาสมาบัติชั้นสูง
ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่มีศรัทธาในพ่อครูท่านรับรองได้ว่าเรื่องคุณไสยภูมิติผีปีศาจมนต์ดำไม่อาจทำอันตรายกล้ำกรายได้อย่างแน่นอน
และหากทำกิจการอันใดหากได้อาราธนาขอบารมีท่านแล้วก็จะบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองเรื่อยไปไม่มีวันตกต่ำ
คนที่นึกถึงบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย
คุณพ่อครูท่านต่างๆมีพ่อครูโพมินข่องเป็นที่สุดจะได้บารมีค้ำหนุนดวงชะตาไม่ตกต่ำ
ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ไป ณ สถานแห่งใดก็ปลอดภัยมีคนคอยช่วยอุปถัมภ์อยู่เสมอ
บารมีของพ่อครูท่านขนาดนั้น
วัตถุมงคลต่างๆที่เป็นรูปสมมุติของพ่อครูล้วนเป็นกายสิทธิ์ในตัวขอให้เป็นรูปเป็นนามของท่าน
เมื่อตั้งจิตดีแล้วขอให้ท่านอนุโมทนาในการสร้างเพียงเท่านี้ของสิ่งนั้นก็เกิดฤทธิ์เกิดเดช
เพราะคุณของท่านผู้สำเร็จนั้นเป็นอัปปมาโณ คือมากมายไม่มีประมาณ
ดังนั้นขอให้ผู้ที่ศึกษาจงเชื่อถือเคารพด้วยความจริงใจ
เมื่อมีวัตถุมงคลของท่านก็เท่ากับมีกายสิทธิ์ในตัว อธิษฐานจิตให้ท่านประจุฤทธิ์อำนาจเหล็กไหลหรือปรอทกายสิทธิ์ลงสู่รูปสู่เหรียญสู่ผ้ายันต์ก็ได้
ถ้าใจเราแน่กับท่านท่านก็แน่กับเรา เหรียญท่าน
ผ้ายันต์ท่านรูปท่านก็จะมีอำนาจเสมือนกับเหล็กไหลไพรดำปรอทวิเศษขึ้นมา
นี่คือความกายสิทธิ์คือฤทธิ์จากพ่อครูผู้สำเร็จทั้งหลาย มีพ่อครูโพมินข่องเป็นต้น
เรื่องแบบนี้สำเร็จได้จากผู้ที่ศรัทธาจริง ทำจริง
บารมีท่านก็จะส่งผลให้จริงตามที่ปรารถนาทุกประการ
หมายเหตุ
เกี่ยวกับหนังสือ “สิทธามหาเวทย์”และวัตถุมงคลพ่อครูโพมินข่อง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ค
สิทธามหาเวทย์ www.facebook.com/10Masters สอบถามโทรและ LINE ID = 0830737515
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น