วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ท่านพ่อครูโพมินข่อง บรมครูผู้อยู่เหนือสมมุติ โดย ทิพยจักร

ท่านพ่อครูโพมินข่อง บรมครูผู้อยู่เหนือสมมุติ โดย ทิพยจักร
               คงเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยเราสำหรับภาพของหลวงปู่สรวง หรืออย่างทางเหนือซึ่งมีครูบาผ้าลาย ครูบาอาจารย์เหล่านี้ล้วนทำตัวแปลกประหลาดกว่าคนทั่วไปคือไม่ยึดเรื่องเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายจนคนทั่วอาจสงสัยในปฏิปทา บ้างก็เข้าใจว่าท่านผิดปกติอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นต้น แค่หากเราศึกษาเรื่องราวของผู้บรรลุธรรมให้ดีจะพบว่าการที่ผู้ปฏิบัติธรรมชั้นสูงบางท่านท่านทำตัวออกนอกกรอบ  ออกนอกความเข้าใจในสมมุติของคนทั่วไปนั้นก็เป็นเพราะว่าท่านเหล่านั้นพ้นจากสมมุติบัญญัติไปแล้ว
               ในสายพ่อครูเมืองม่าน ผมบอกได้เลยว่าครูบาอาจารย์หลายท่านล้วนเป็นผู้อยู่เหนือสมมุติ ท่านเหล่านั้นเป็นอริยะบุคคลที่กราบไหว้ได้โดยสนิทใจ แม้ท่านเหล่านั้นมิได้เป็นพระภิกษุสงฆ์ แต่เรื่องศีล เรื่องภาวนาของท่านล้วนลี้ลับละเอียดอ่อนมหัศจรรย์เกินกว่าจินตนาการของพวกเราทั่วไปอย่างแน่นอน
               ความเหนือสมมุติหรืออย่างที่ผมจ่าหัวข้อไว้ว่าบรมครูผู้อยู่เหนือสมมุตินั้นที่เห็นได้ชัดเจนท่านนึงก็คือ ท่านพ่อครูโพมินข่อง
ท่านพ่อครูโพมินข่องท่านนี้เป็นผู้ที่มีธรรมลึกลับ สำเร็จภูมิจิตชั้นไกวัลย์ภูมิ ข้ามโคตรปุถุชนทรงอภิญยาสมาบัติ มีฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งหลายมาแล้วเป็นอันมาก
               ทราบมาว่าแต่เดิมท่านบวชเป็นภิกษุ ไปภาวนาในป่ามานานกว่า ๒๐ ปีหลังจากนั้นท่านจึงออกจากป่ามาโปรดญาติโยม แต่การออกจากป่ามาโปรดคราวนี้ท่านกลับมีพฤติกรรมแปลกๆ ใครที่เห็นประติมากรรมของพ่อครูโพมินข่องจะเห็นได้ว่าบางรูปท่านไว้ผมยาว บางรูปท่านไว้ผมสั้นจนเรียกว่าผมเกรียนก็ว่าได้ การแต่งกายของพ่อครูโพมินข่องก็เช่นกันบางรูปเห็นเป็นสวมจีวรคล้ายพระ บางรูปนุ่งผ้าลาย บางรูปทำท่าอุ้มไก่ชน(ข้อนี้มีลักษณะเหมือนหลวงปู่สรวงนะครับ) และรูปส่วนมากท่านนั่งขัดสมาธิไขว้ขามือข้างหนึ่งยกน้ำชาดื่มหรือยาสูบ
               ว่ากันตรงๆแล้ว ท่านครูโพมินข่องหนึ่ง หลวงปู่สรวงหนึ่ง พระจี้กงหนึ่ง ล้วนมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด ในความคล้ายคือ ท่านถือหลักไม่อยู่ในสมมุติ เสื้อผ้าอะไรก็ได้ ทำกิริยาเหมือนไม่ให้น่านับถือ แต่ศีลวัตรนั้นละเอียดอ่อนมากด้วยอภิญญา หรือจะบอกว่าคล้ายพวกเซียนในโป๊ยเซียนที่เมื่อสำเร็จแล้วมักแกล้งแปลงกายไม่ให้เป็นที่สนใจทำตนเป็นขอทานบ้าง เป็นวณิพกบ้างร่อนเร่ไปเรื่อย เมื่อพบเจอใครที่ตกทุกข์จึงฉุดช่วยไปตามวาสนาบารมี
               พ่อครูโพมินข่องก็เหมือนกันภายหลังจากท่านบรรลุธรรมอย่างหนึ่งอย่างใดท่านก็เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลองใจคนรวมทั้งเป็นการสอนคนไปในตัว เพราะความเป็นพระผู้ประเสริฐนั้นมิได้อยู่ที่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพราะแม้นโกนหัวห่มผ้าเหลือง  แต่ใจไม่มีศีลก็มีถมไปให้เห็นอยู่มากนัก แต่ความเป็นพระภายในนั้นเป็นเรื่องของใจโดยตรง สิ่งนี้คือสิ่งที่พ่อครูโพมินข่องคงสอนโดยการแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง
               จึงกล่าวได้ว่าสิ่งที่พ่อครูโพมินข่องแสดงออกมาเป็นทั้งปริศนาธรรมและเป็นการสื่อให้เห็นว่าองค์ท่านพ้นสมมุติโลกไปแล้วแน่นอน สมมุติบัญญัติ คือ สิ่งที่ไม่จริงไม่ใช่สัจธรรมเป็นเพียงเรื่องที่ชั่วคราว สมมุติให้หมายรู้จำได้เรียกถูกเท่านั้น ตกอยู่ในพระไตรลักษณ์คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผู้ที่พ้นสมมุติบัญญัติไปแล้วนั้น คือผู้เข้าถึงปรมัตถ์ธรรม  คือการเข้าถึงความจริงแท้ที่ไม่มีเสื่อม พ้นจากสมมุติก็คือวิมุตติ เป็นความบริสุทธิ์เหนือโลก เหนือความคาดความเดาความคิดความนึกทั้งปวง ผู้ที่เป็นปุถุชนต่อให้คาดเดาอย่างไรในพระผู้พ้นสมมุติก็ไม่มีวันถูกต้องไม่มีวันเข้าใจได้
               อำนาจบารมีรัศมีความสั่นสะเทือนเลื่อนโลกของพระผู้พ้นสมมุตินั้นเป็นพลังงานบริสุทธิ์มีกำลังมหาศาล ดวงปัญญาแสงสว่างแห่งปัญญาของผู้เห็นธรรมชั้นนี้เป็นแสงสว่างที่ล่วงอานุภาพแห่งพระอาทิตย์พระจันทร์และเทวานุภาพทั้งปวง เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้คงไม่แปลกใจว่าบารมีของพ่อครูทั้งหลายในเมืองม่านนั้นมากมายด้วยบารมีขนาดไหน อย่างพ่อครูโพมินข่องนั้น
ผมเคยถามครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อยว่าบารมีท่านขนาดไหนกันเชียว ครูบาชัยมงคลเล่าว่าตั้งแต่ท่านไปปราบอาถรรพ์ถอนคุณไสยต่างๆมายังไม่เคยมีที่ไหนที่บารมีของพ่อครูโพมินข่องจะทำไม่ได้ ไปที่ใดก็ตามเมื่ออาราธนาบารมีพ่อครูโพมินข่องที่นั้นก็พ้นจากอำนาจมืดมนดำทั้งสิ้น แสดงให้เห็นอานุภาพจากพ่อครูโพมินข่องว่ายิ่งใหญ่จริง และบารมีท่านเป็นระดับพระอริยะเจ้าที่ทรงอภิญญาสมาบัติชั้นสูง ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่มีศรัทธาในพ่อครูท่านรับรองได้ว่าเรื่องคุณไสยภูมิติผีปีศาจมนต์ดำไม่อาจทำอันตรายกล้ำกรายได้อย่างแน่นอน และหากทำกิจการอันใดหากได้อาราธนาขอบารมีท่านแล้วก็จะบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองเรื่อยไปไม่มีวันตกต่ำ คนที่นึกถึงบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพ่อครูท่านต่างๆมีพ่อครูโพมินข่องเป็นที่สุดจะได้บารมีค้ำหนุนดวงชะตาไม่ตกต่ำ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ไป ณ สถานแห่งใดก็ปลอดภัยมีคนคอยช่วยอุปถัมภ์อยู่เสมอ บารมีของพ่อครูท่านขนาดนั้น
               วัตถุมงคลต่างๆที่เป็นรูปสมมุติของพ่อครูล้วนเป็นกายสิทธิ์ในตัวขอให้เป็นรูปเป็นนามของท่าน เมื่อตั้งจิตดีแล้วขอให้ท่านอนุโมทนาในการสร้างเพียงเท่านี้ของสิ่งนั้นก็เกิดฤทธิ์เกิดเดช เพราะคุณของท่านผู้สำเร็จนั้นเป็นอัปปมาโณ คือมากมายไม่มีประมาณ ดังนั้นขอให้ผู้ที่ศึกษาจงเชื่อถือเคารพด้วยความจริงใจ เมื่อมีวัตถุมงคลของท่านก็เท่ากับมีกายสิทธิ์ในตัว อธิษฐานจิตให้ท่านประจุฤทธิ์อำนาจเหล็กไหลหรือปรอทกายสิทธิ์ลงสู่รูปสู่เหรียญสู่ผ้ายันต์ก็ได้ ถ้าใจเราแน่กับท่านท่านก็แน่กับเรา เหรียญท่าน ผ้ายันต์ท่านรูปท่านก็จะมีอำนาจเสมือนกับเหล็กไหลไพรดำปรอทวิเศษขึ้นมา นี่คือความกายสิทธิ์คือฤทธิ์จากพ่อครูผู้สำเร็จทั้งหลาย มีพ่อครูโพมินข่องเป็นต้น เรื่องแบบนี้สำเร็จได้จากผู้ที่ศรัทธาจริง ทำจริง บารมีท่านก็จะส่งผลให้จริงตามที่ปรารถนาทุกประการ
หมายเหตุ 

เกี่ยวกับหนังสือ “สิทธามหาเวทย์”และวัตถุมงคลพ่อครูโพมินข่อง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ค   สิทธามหาเวทย์  www.facebook.com/10Masters   สอบถามโทรและ   LINE ID = 0830737515

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น