วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

ล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง

ล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง
พ่อครูโพมินข่องนับเป็นผู้วิเศษแห่งเมืองพม่าที่มีตัวตนจริงในช่วงยุครัชกาลที่ ๖ ซึ่งสมัยนั้นอังกฤษเข้ามาปกครองพม่าอย่างเต็มรูปแบบ นับว่าพ่อครูโพมินข่องเป็นผู้อยู่ร่วมยุคสมัยกับ สำเร็จลุนแห่งเมืองลาว และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าของไทยเรา
อิทธิฤทธิ์บารมีของพ่อครูโพมินข่องแห่งเมืองพม่านั้นไม่ด้อยน้อยไปกว่าสำเร็จลุนแห่งเมืองลาวและหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่าของไทย ท่านได้แสดงอำนาจจิตตานุภาพลดทิฐิมานะของพวกฝรั่งมังค่ามาแล้ว ทำให้พวกตะวันตกรู้ว่าแม้ว่าตัวเองจะมีวิทยาการทางเทคโนโลยีสูงส่งแต่เรื่องจิตใจนั้นยังห่างไกลจากชาวเอเชียมาก

พ่อครูโพมินข่องเคยแสดงอำนาจจิตเดินทะลุกำแพงห้องขังให้พวกโปลิศตะตึงเป็นไก่ตาแตก จนไม่มีใครกล้ายุ่งกับผู้วิเศษเช่นท่านอีกต่อไป

ครูบาชัยมงคล เป็นผู้ที่นับถือพ่อครูโพมินข่องมากและชีวิตของท่านก็ได้พึ่งร่มบารมีของพ่อครูท่านมาโดยตลอดไม่ว่าจะการรักษาโรค การรักษาคุณไสย ถอดถอนอาถรรพ์ท่านก็อัญเชิญบารมีพ่อครูโพมินข่องมาโปรดทั้งสิ้น ที่ผ่านมาท่านสร้างล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่องก็มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์มากมาย สร้างมากี่รุ่นก็ไม่พอต่อความต้องการของลูกศิษย์และเหล่าบรรดาผู้ศรัทธา

        ในปี ๒๕๕๘ ท่านจึงสร้างล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่องแบบพิเศษทำเป็นของพิมพ์คือพิมพ์นั่งและพิมพ์ยืน โดยครูบาชัยมงคลเป็นผู้เลือกภาพพ่อครูโพมินข่องด้วยองค์ท่านเอง


ล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่องพิมพ์นั่งเน้นทางปิยะสิทธิ  ด้านหลังบรรจุ ยาเทวะสิทธิ์ เป็นยาเสริมดวง หนุนดวง ใช้ในด้านธุรกิจการงาน ค้าขาย เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย อุบัติเหตุ วิธีใช้ ให้นำติดตัว หรือฝนใสน้ำทำเป็นน้ำมนต์ ใช้รดตัว อาบ หรือพรมข้าวของ ผสมแป้งเจิมร้านค้าของขายก็ได้
คำว่าปิยะสิทธินั้นหมายถึงอำนาจที่เน้นทางเมตตาโชคลาภค้าขาย ผู้ใดได้ไว้จะเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานการค้า ไม่ตกต่ำเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา มีผู้คอยอุปถัมภ์ค้ำชู เป็นวิชาทางค้ำคูณดวงชะตาให้เป็นที่รักแก่มหาชนทั้งหลายในทิศทั้งสิบ ผู้ที่ได้ของดีในสายนี้ทำอะไรก็เจริญไม่มีวันตกต่ำ

พิมพ์ยืน เน้นอำนาจทางกายะสิทธิ บรรจุยาปะถะมะสิทธิ ที่ครูบาชัยมงคล ได้รวมรวมคัดสรรมา ยาแต่ละตัวล้วนมีอายุยาวนานเป็นร้อยๆปี เป็นที่หวงแหนของคนผู้มีวิชา และโดยมากล้วนเป็นของพ่อครูที่ขมังเวทย์มาแต่อดีต ตัวยาแต่ละตัวล้วนมีมหาอำนาจทางปกป้องคุ้มครอง เป็นตบะเดชะยิ่งนัก
อำนาจทางกายะสิทธินั้น เป็นอำนาจเชิงคุ้มครอง คำว่าคุ้มครองในที่นี้คือ คุ้มตัวให้ปลอดภัยจากความวิบัติทั้งปวง ทำให้พ้นภัยจากผู้คิดร้าย ทั้งผีสางเทวดามนุษย์หรือสัตว์ย่อมไม่อาจทำอันตรายแก่ผู้มีของทางกายะสิทธิได้
                      คำว่ากายะสิทธิ ก็คือกายสิทธิ์ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ของดีทางนี้ทุกชิ้นจะมีเทวดาติดตามรักษา เป็นอีกหนึ่งพลังเหนือโลกที่ทำหน้าที่ค้ำคูณดวงชะตาร่วมกับวิชาทางปิยะสิทธิ
ผู้ที่มีของดีทั้งปิยะสิทธิ และกายะสิทธิไว้คู่กันเปรียบเหมือนมีอำนาจจากสุริยันจันทราส่องแสงนำทางทั้งกลางวันกลางคืน เรื่องตกต่ำหมองมัวไม่มี ทั้งอำนาจจากสายวิชาทั้งสองยังจะขับราศีให้ดูดีมีเมตตาเป็นสง่าแก่มหาชนทั้งปวง ทำกิจสิ่งใดจะลุล่วงสมประสงค์

                   ผู้ที่ได้ครอบครองล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่องทั้งสองพิมพ์ ทั้งพิมพ์นั่งและยืน ปิยะสิทธิและกายะสิทธิ เมื่อจะทำกิจสิ่งใดก็ดีให้อาราธนาเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่งแล้วพึงระลึกถึงพ่อครูผู้สำเร็จทั้งสิบมีพ่อครูโพมินข่องเป็นที่สุด จากนั้นให้ระลึกเอาคุณพ่อคุณแม่และเทพยดามี พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ และพระแม่สุระตะตี่เป็นที่สุด ให้มาอำนวยอวยพรแก่ตนให้สมปรารถนาในสิ่งที่ตั้งใจไว้ และหมั่นระลึกถึงคุณท่านเหล่านี้ทั้งยามเช้า และยามจะเข้านอนจะเป็นสิริมงคลเทพยดาครูบาอาจารย์จะตามรักษาท่านเป็นเนืองนิจ

                   ล็อกเก็ตทุกองค์ที่เป็นรูปพ่อครูโพมินข่อง จัดเป็นกายสิทธิ์ทุกชิ้น ด้วยบารมีแห่งองค์โพมินข่องก็สูงส่งทุกประการประกอบเข้ากับยามหาวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง และทุกชิ้นย่อมมีเทพยดาติดตามรักษา ผู้ที่ได้ไว้จึงเสมือนมีเทพยาอารักษ์ติดตามตัวเป็นยอดอานิสงค์แห่งการบูชาผู้สำเร็จอย่างพ่อครูโพมินข่องยิ่งนัก
                 คาถาบูชายาใช้ยา นะโม 3 จบ ................. โอม เต่ ส่อล่อแม้วเต่ วะอูมมู่เต่มะเอ่ สวาโหมฯ

ติดต่อได้ที่ วัดไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่ โทร 080-671-5287 และที่สำนักพระเครื่อง สุริยันจันทรา สุขุมวิท 101/1 โทร 083-073-7515 / 02-399-2000 / 094-930-9355

รวมวัตถุมงคลสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร

รวมวัตถุมงคลสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร
                      ท่านที่ติดตามนิตยสารพระเครื่องพุทธคุณ และทางSocial Media จะสังเกตุว่าระยะนี้มีเรื่องเกี่ยวกับบรมครูพ่อครูทั้งสิบ ( สิทธามหาเวทย์ ) แห่งเมืองม่าน (หรือเมียนมาร์ในปัจจุบัน ) รวมทั้งเรื่องวิชาสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ ปะถะมะสิทธิ เขาโปปามหาคีรีศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ เป็นที่กล่าวถึงมาก
หลายท่านได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องวัตถุมงคลสายนี้ ดังนั้นเพื่อความชัดเจน จึงจะรวบรวมวัตถุมงคลสายยาแดงที่จะแนะนำให้ทราบโดยเริ่มจากวัตถุมงคลสายยาแดง จัดสร้างและปลุกเสกโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย พระเกจิอาจารย์ที่ศึกษาสืบสานศาสตร์โบราณพระเวทล้านนาจนเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์
                            พร้อมกันนี้ท่านยังได้ทุ่มเทเวลาศึกษาเวทวิทยาคมสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ จากครูอาจารย์ อาทิ จากอาจารย์หย่วน พ่อครูชาวไทยใหญ่แห่งอำเภอแม่สอด ผู้เชี่ยวชาญการสักยันต์สายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ

      พระอาจารย์ภูไทย สนใจใส่ใจในการศึกษาพระเวทและยันต์สายยาแดง เมื่อมีโอกาสท่านจะเดินทางไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สืบค้นตำหรับตำรา อาทิที่มัณฑะเลย์ พุกาม เขาโปปา ย่างกุ้ง สิเรียม หงสาวดี เมียวดี ฯลฯ และศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ในสายยาแดง

วัตถุมงคลสายยาแดงที่พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร จัดสร้างมีดังนี้
   

1.ผ้ายันต์บรมครูส่วยหยิ่นจ่อ จัดเป็นวัตถุมงคลสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ ลำดับแรกที่ท่านสร้างและนำขึ้นไปปลุกเสกที่ยอดเขาโปปา มหาคีรีศักดิ์สิทธิ์ ที่ห้องพ่อครูโพมินข่อง ( บูชาผืนละ 199 บาท)

     2.ตะกรุดปิยะสิทธิประสิทธิโชค จารยันต์สายยาแดง พอกมวลสารผสมว่านไก่แดง ปลุกเสกเสาร์5 ปี 2557 (บูชา 300 บาท)

     3.มีดหมอพลิกดวง ปราบมาร ใบมีดทำจากผานไถ อุปเท่ห์พลิกดินพลิกดวง ใบมีด 7 นิ้ว จารยันต์สายยาแดง ด้ามมีดทำจากไม้มะขามฟ้าผ่า อุปเท่ห์ผู้คนเกรงขาม ปลุกเสกเสาร์ 5 ปี 2557 (บูชา 1,999 บาท)

     4.ล๊อคเก็ตบรมครูพู่พู่อ่อง ด้านพลังบรรจุมวลสารและยันต์สายยาแดง นำไปปลุกเสกที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง เมียนมาร์ ณ วิหารด้านทิศตะวันออกซึ่งมีพระพุทธรูปที่บรมครูพู่พู่อ่องสร้างประดิษฐานอยู่ ( บูชา 499 บาท)

     5. แหวนเงินสุโขทัย ยันต์ สะตะปะวะ อันเป็นยันต์สุดยอดความศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวกันว่าบรมครูพู่พู่อ่องเคยเหาะขึ้นไปจารอักขระนี้ที่ยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ปลุกเสกที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง เมียนมาร์ เช่นกัน (บูชา 500 บาท )

      6.ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ อู่ซาหม่า เนื้อตะกั่ว แรกเริ่มเดิมทีสร้างเพื่อแจกผู้ร่วมบุญทอดกฐิน พ.ศ.2557 ต่อมามีผู้นำไปใช้มีประสบการณ์ดี ๆ ดัง ๆ กันหลายราย จนเป็นที่เสาะแสวงหากันเป็นอย่างยิ่ง

     7.ผ้ายันต์แก้วสารพัดนึก สายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ ขนาด 15 x 21 นิ้ว พิมพ์บนผ้ากำมะหยี่ เป็นยันต์มหามงคล อธิษฐานขอพรได้ดั่งแก้วสารพัดนึก เพิ่งจัดสร้างในวาระส่งท้าปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2558 ( บูชาผืนละ 399 บาท)

      8 เหรียญน้ำมนต์ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ อูซาหม่า สุดยอดยันต์สายยาแดง ขนาด 3 ซ.ม. เนื้อนวโลหะ(เต็มสูตร ) บูชา 499 บ / เนื้อตะกั่วถ้ำชา 299 บ / เนื้อทองแดง (รมสีเม็ดมะขาม) 199 บ
    เหรียญทำน้ำมนต์วิชาสายยาแดง
    สร้างโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยงมงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
    วิชาสายยาแดงหรือยาสัจจะหรือส่วยหยิ่นจ่อนั้น เป็นวิชาที่มีความเป็นมาลึกลับน่าอัศจรรย์ กำเนิดมาแต่เมื่อมอญรุ่งเรืองเมื่อพันปีมาแล้ว ผู้เป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ในสายนี้คือ โพโพอ่อง (พู่พู่อ่อง) ส่วนผู้เป็นประธานแห่งสายนี้คือ เจ้าสัจจะยามิน ท่านเป็นศิษย์เอกของโพโพอ่องและมีบุญวาสนาสูงส่งเพราะเป็นพระมหาโพธิสัตว์มาอุบัติ
    วิชาสายยาสัจจะหรือยาแดงนี้เป็นวิชา...ที่มีอานุภาพสูงสุดคือเป็นกายสิทธิ์ มีฤทธิ์ดังเทพยาธร ไม่แก่ไม่เฒ่าร่างกายเป็นวัชระอายุยาวนานได้นับกัปป์ปี
    ตำรายายันต์ในสายวิชานี้โดดเด่นเรื่องการถอดถอนคุณไสยฯมนต์ดำได้ชะงัดยิ่งนัก ปราบปรามภูติผีปีศาจ และเป็นมหามงคลแก่บ้านเรือนผู้นับถือยิ่งนัก
    อำนาจจากสายวิชานี้ท่านอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ บารมีพระพุทธเจ้า ๕ องค์ในกัปป์นี้ ท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔ บรมครูทั้ง ๑๐ พระอินทร์ พรพรหม เทพธรรมบาลมาปกปักษ์รักษา ไล่อำนาจมนต์ดำ เพิ่มพลังแห่งแสงสว่างแก่บ้านเรือน
    เหรียญทำน้ำมนต์ส่วยหยิ่นจ่อนี้ ได้เชิญพลังจักรวาล พระแห่งพระพุทธะ พระโพธิสัตว์เทพพรหมและบรมครูทั้ง ๑๐ มาประจุฤทธิ์ นับเป็นการกำเนิดเหรียญทำน้ำมนต์สายยาแดงที่วิเศษยิ่ง ผู้ใดได้บูชาไว้นับเป็นบุญของผู้นั้นครับ( จากข้อเขียนของ ทิพยจักร)
     วัตถุมงคลสายยาแดงที่จัดสร้างโดยพระอาจารย์ภูไทย ปภากโร ติดต่อที่วัดเขาแก้วชัยมงคล โทร 085-40000-101และที่ สุริยันจันทรา 02-3992000 / 083-073-7515 ( เบอร์นี้เป็นไลน์ LINE ด้วย)

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

เหรียญน้ำมนต์จากสายวิชาส่วยหยิ่นจ่อ

เหรียญน้ำมนต์จากสายวิชาส่วยหยิ่นจ่อ

ด้านหน้าเป็นยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ตามแบบสายยาแดง


ด้านหลังเป็นยันต์อูซาหม่า



               วิชาสายยาแดงเป็นวิชาลึกลับที่กำเนิดในเมืองมอญแล้วสืบทอดต่อมาจนถึงกลุ่มชนพม่ารามัญ ไทใหญ่ และกระเหรี่ยงในปัจจุบัน

               ตามตำนานสายวิชานี้เกิดขึ้นจาก หน่อพระโพธิสัตว์นามว่าเจ้าสัจจะมิน เมื่อแรกประสูติกาลมีเม็ดยาวิเศษอยู่ในมือ เชื่อว่าเทพยดาเป็นผู้นำมาถวาย สามารถรักษาได้ทุกโรค เมื่อพระองค์จะเสด็จไป ณ ที่ใดก็จะมีฉัตรทิพย์  ๙  ชั้นกั้นแดดกั้นลมให้เห็นเป็นอัศจรรย์

               กาลต่อมาเจ้าสัจจะมินเห็นว่าด้วยฉัตรทิพย์นี้ปรากฏทำให้ผู้คนมารุมล้อมอยากเห็นกันมากมาย ไม่เป็นที่วิเวก จึงตัดสินใจหักฉัตรทิพย์นั้นลงแล้วให้อาจารย์โป๊ะต่อปิวเป็นผู้เก็บรักษา ต่อมาอาจารย์โป๊ะต่อปิวได้มอบฉัตรทิพย์นี้ให้อาจารย์โป๊ะต่อปุ้ยได้นำมาทำเป็นยามหาวิเศษสำหรับสักลงในตัวศิษย์จนเกิดเป็นสายวิชายาแดงขึ้นมา


               พระยันต์ในสายวิชานี้มีมากมายไม่น้อยแต่ละพระยันต์ก็ล้วนมีคุณวิเศษน่าอัศจรรย์มากมาย พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล  ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย  ผู้สนใจใส่ใจศึกษาเวทย์วิทยาคมสายยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อได้คัดเลือกยันต์ที่เหมาะสมนำมาสร้างเป็นเหรียญทำน้ำมนต์ เพื่อให้ผู้ศรัทธานำไปใช้ให้เกิดสิริมงคลโดยทั่วกัน

               อำนาจจากพระยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ ตามสายของส่วยหยิ่นจ่อนั้น เป็นอำนาจปกป้องคุ้มครองถอดถอนคุณไสยเสนียดจัญไรทั้งปวง อาราธนาทำน้ำมนต์เพื่อถอนคุณไสยไล่ภูติผีปีสาจได้ชะงัดยิ่งนัก

               ด้านหลังเป็นพระยันต์อูซาหม่าให้ผลในทางเป็นสิริมงคล เมื่ออาราธนาทำน้ำมนต์ยังผลให้เกิดเมตตามหาลาภใช้ประพรมร้านค้าเพื่อสิริมงคลเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านที่อยู่อาศัยและความเจริญงอกงามในสิ่งที่ดีทั้งปวง

                 พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล  เคยจัดสร้างตะกรุดยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ อูซาหม่า เมื่อครั้งงานทอกกฐินประจำปี 2557 จำนวน 18,000 ดอก ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับไปมีประสบการณ์จนทำให้ตะกรุดชุดนี้หมดจากวัดไปอย่างไม่น่าเชื่อ !!!



               วาระสงกรานต์ปีใหม่ไทย พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร ได้จัดสร้างเหรียญน้ำมนต์จากสายวิชาส่วยหยิ่นจ่อ ด้านหน้าเป็นยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ตามแบบสายยาแดงมหาวิเศษ ด้านหลังเป็นยันต์อูซาหม่า โดยจัดสร้าง 3 เนื้อคือ นวะโลหะ (เต็มสูตร) บูชา 499 บาท  เนื้อตะกั่ว(ถ้ำชา ) บูชา 299 บาท  เนื้อทองแดง (รมสีมันปู) บูชา 199 บาท  ( ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ซ.ม.)


               ติดต่อได้ที่วัดเขาแก้วชัยมงคล  อ ทุ่งเสลี่ยม จ สุโขทัย  โทร 08504000 101 และที่ สุริยันจันทรา สุขุมวิท 101/1  โทร 083 073 7515  ( เบอร์นี้เป็น ID  LINE ด้วย)

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

พนมกุเลน มเหนทรบรรพต


เส้นทางแห่งศรัทธา   
พนมกุเลน มเหนทรบรรพต

พนมกุเลน เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สำคัญในประเทศกัมพูชาเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร
 พนมกุเลนได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14 หรือในราวปีพ.ศ.1345ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ศิลปะแบบกุเลน ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายซึ่งนับถือพระศิวะมหาเทพ
 สำหรับคำว่า พนมในภาษากัมพูชาหมายถึงภูเขาและคำว่า กุเลนหมายถึงต้นลิ้นจี่ชื่อนี้คงได้มาจากในอดีตที่ผ่านมาบนเขาพนมกุเลนแห่งนี้อุดมไปด้วยต้นลิ้นจี่ป่า

พนมกุเลนหรือมเหนทรบรรพต เป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาว 37กิ โลเมตรความสูง 800 เมตร พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ได้ทรงสถาปนาพนมกุเลนเป็นศูนย์กลางเมืองหลวงแห่งนี้ขึ้นมาพร้อมๆ กับที่พระองค์ได้ทรงสถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้น หลังจากกอบกู้เอกราชจากการปกครองของศรีวิชัยจากชวา  ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาขึ้นที่พนมกุเลนโดยเชิญพราหมณ์ ศิวะไกรวัลย์จากเมืองกัมปงจามมาเป็นผู้ประกอบพิธี   แม้ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บอกว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงประทับอยู่บนเขาพนมกุเลนระยะเวลานานเท่าใด แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อกันว่าคงไม่นานนักเพราะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน จึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นเมืองหลวงเท่าใดนัก ในที่สุดพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ก็ทรงเสด็จกลับมาครองราชย์ที่เมืองหริหราลัยตามเดิม จากนั้นก็ทรงประทับอยู่ที่เมืองหริหราลัยจนถึงวันสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.1393 ภายหลังการเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงได้รับถวายพระนามว่า  ปรเมศวรหลังจากนั้นก็ไม่มีกษัตริย์ขอมองค์ใดย้ายเมืองหลวงมาบนเขาพนมกุเลนอีก

 
ร่องรอยอดีตของพนมกุเลนจึงพบว่ามีปราสาทหลังเล็ก ๆ หลายแห่งแต่มีสภาพทรุดโทรม   แต่ที่น่าสนใจคือศิวลึงค์แกะสลักอยู่ใต้น้ำนับพันองค์และภาพแกะสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ตลอดความยาว 400 เมตรในลำธารบนเขาพนมกุเลนแห่งนี้
ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย บูชาศิวลึงค์ว่าเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งมวล ศิวลึงค์ใช้แทนองค์พระศิวะเทพ และฐานโยนีที่ล้อมรอบศิวลึงค์ หมายถึงพระนางอุมาเทวีชายาของพระศิวะ  ศาสนาฮินดูเชื่อกันว่าตราบใดที่ศิวลึงค์และโยนีทั้งสองอย่างนี้ถ้ายังอยู่ด้วยกัน ตราบนั้นโลกจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง
 
ปกติสำหรับการบูชาศิวลึงค์นั้น พราหมณ์จะเป็นผู้นำน้ำมารดบนศิวลึงค์และน้ำที่รดนั้นจะไหลออกไปที่ช่องโยนี ลงไปยังโสมสูตรเพื่อให้ผู้คนที่มารองรับน้ำนี้ไปตามความเชื่อที่ว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยได้และเป็นสิริมงคล  แต่ทว่าการประกอบพิธีด้วยการทำน้ำศักดิ์สิทธิ์ กระทำไม่บ่อยนัก เมื่อกระทำพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ปริมาณน้ำที่ไม่มากนักในขณะที่ชาวเมืองต่างพากันมารองรับน้ำกันมากมาย พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 จึงทรงเกิดความคิดทำให้แม่น้ำเสียมเรียบกลายเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เสมือนแม่น้ำคงคา พระองค์จึงโปรดให้สร้างศิวลึงค์อยู่ใต้น้ำบนธารน้ำบนเขาพนมกุเลนซึ่งเป็นต้นแม่น้ำเสียมเรียบ เมื่อน้ำไหลผ่านรูปแกะสลักศิวลึงค์ใต้น้ำ จึงถือว่าน้ำที่ผ่านศิวลึงค์บนพนมกุเลนจะกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลไปตามนาวาวิถีแม่น้ำเสียมเรียบสู่ชาวบ้านชาวเมืองเรือกสวนไร่นาเพื่อความอุดมสมบูรณ์

               จำนวนศิวลึงค์ที่อยู่ใต้น้ำหนึ่งพันองค์ก็เป็นความเชื่อตามคติโบราณแทนฤาษีหนึ่งพันตน นอกจากศิวลึงค์แล้วพนมกุเลนยังมีรูปพระนารายณ์ ในปางนารายณ์บรรทมสินธุ์  และพระพรหมแกะสลักอยู่ด้วยจึงถือว่า....
พนมกุเลน มเหนทรบรรพต”มีครบสามมหาเทพ...ตรีมูรติ

พ่อครูโพดอห่านรักษาลูกสาวเศรษฐี ปราบผีเข้าสิง


สิทธามหาเวทย์ : ตำนานผู้วิเศษและพ่อครูทั้งสิบ
โดย ทิพยจักร   เดือน มีนาคม 2558
 
พ่อครูโพดอห่านรักษาลูกสาวเศรษฐี ปราบผีเข้าสิง
               ที่เมืองเมาะละแม่งมีลูกสาวเศรษฐีป่วยไม่รู้สาเหตุ   ตัวของเศรษฐีนั้นมีเมียใหม่คนหนึ่ง เมียใหม่คนนี้เป็นแม่มดมนต์ดำ ชาวบ้านกลัวกันทุกคนเป็นที่สงสัยว่าลูกสาวของเศรษฐีอาจจะถูกมนต์ดำของแม่เลี้ยง เพราะแม่เลี้ยงต้องการฮุบสมบัติของเศรษฐีนั่นเอง
 เมื่อพ่อครูโพดอห่านไปถึงบ้านลูกสาวเศรษฐี ปีศาจมนต์ดำที่อยู่ในร่างก็ร้องท้าทาย   ปีศาจมนต์ดำตัวนี้มีเล่ห์เหลี่ยมมาก เพราะเดี๋ยวก็สิงร่างลูกสาวเศรษฐี เดี๋ยวก็ออกจากร่างไป ทำให้เป็น ๆ หาย ๆ นอกจากนี้มันยังเสกงูไปเที่ยวขบกัดชาวบ้าน เดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว   พ่อครูโพดอห่านต้องช่วยรักษาคนโดนงูกัดอยู่ถึง ๗ วัน ระหว่างนั้นก็คิดอุบายว่าจะจับปีศาจแม่มดตัวนี้ยังไง
               พอพ่อครูโพดอห่านได้จังหวะดีแล้วก็สั่งประกาศิตด้วยวาจาสิทธิ์ที่รับมาจากวิชาสายยาสัจจะว่า.....”ปีศาจแม่มดในร่างของลูกสาวเศรษฐีจงมาหา
 ทันใดนั้นปีศาจแม่มดที่กำลังสิงร่างลูกสาวเศรษฐีก็ทนอยู่ไม่ได้ต้องรีบมาหาพ่อครูทันที ในขณะเดียวกันนั้นพ่อครูก็สั่งด้วยประกาศิตอีกว่า....”ขอให้เทพเทวดาแผนกผูกมัด   มัดปีศาจไว้”    ตอนนี้ปีศาจในร่างออกจากร่างลูกสาวเศรษฐีไม่ได้แล้ว    แต่มันยังเยอะเย้ยท้าทายว่า...... แน่จริงก็ฆ่ามันซี
               พ่อครูโพดอห่านหวังจะสั่งสอนจึงสั่งประกาศิตว่า.....”จะให้ช้างมาเหยียบ”    ด้วยประกาศิตนี้ทำให้ปีศาจมนต์ดำในร่างร้องทุรนทุรายจนสลบไป    ลูกสาวเศรษฐีมีสติฟื้นคืนมาแล้ว พ่อครูโพดอห่านรักษาเพิ่มอีกถอนของไม่ดีในร่างอีกหน่อยอาการก็เป็นปกติเหมือนเดิม
               ส่วนทางแม่เลี้ยงผู้เป็นปีศาจแม่มดนั้นปรากฏว่าได้ตายลงเสียแล้ว อาการของแม่เลี้ยงนั้นเหมือนว่ามีช้างมาเหยียบจริง ๆ   ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเท้าช้าง พ่อครูโพดอห่านรู้เรื่องนี้เข้าก็เสียใจ  และได้สั่งสอนลูกศิษย์ว่าทุกครั้งที่กล่าววาจาสิทธิ์ไปนั้นให้ยั้งไว้ว่าอย่าให้ตายเอาแค่สั่งสอนเท่านั้น ครั้งนี้เป็นการทำผิดพลาดไป ที่ทำให้ถึงกับตาย วิชายาสัจจะนั้นเป็นวิชาที่ทรงคุณธรรมชั้นสูง ใช้ปราบมารแต่ไม่ได้ทำให้ใครได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต เน้นอภัยทานเป็นหลัก

               พ่อครูโพดอห่านเล่าไว้ว่าท่านเองหลังจากที่ผิดพลาดทำให้นางปีศาจแม่มดตาย ท่านเองก็โดนเบื้องบนลงโทษ นั่งสมาธิเข้ากรรม มือด้านขวาขยับไม่ได้ และล้มลงสลบไม่รู้สึกตัวไปเป็นเวลาถึง ๗ วัน
               อำนาจวาจาสิทธิ์ในสายวิชายาสัจจะนั้นแรงมาก ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้แล้วจะมีวาจาสิทธิ์ ครูจะเน้นย้ำนักหนาว่าอย่าไปเที่ยวด่าว่าใคร อย่าไปแช่งใคร เพราะเป็นหมอยาเป็นคนมีวาจาสิทธิ์แล้ว ถ้าไม่รักษาไปเที่ยวด่าว่าผู้อื่นจะทำเขาเหล่านั้นเดือดร้อนที่สุดกรรมก็จะตกมาสู่ตัวเราเอง
               ท่านผู้อ่านคงเห็นได้ว่าวิชายาสัจจะส่วยหยิ่นจ่อนั้น เป็นวิชาที่มีฤทธิ์อำนาจมาก ใช้ในทางปราบปรามคุณไสยมนต์ดำ   ในประวัติพ่อครูสายนี้ โดยเฉพาะพ่อครูโพดอห่าน ชีวิตของท่านได้ผ่านประสบการณ์ในการต่อสู้กับมนต์ดำมาอย่างโชกโชน ทั่วทั้งแผ่นดินพม่าหมอผีมนต์ดำคนไหนที่ว่าเก่งๆท่านก็ผจญและชนะมาหมดแล้ว ด้วยการรักษาศีลรักษาสัจจะนี่เอง
               ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าแต่ก่อนแผ่นดินพม่านั้นรุ่งเรืองด้วยวิชาอาคมไม่แพ้ประเทศอื่นๆในแถบสุวรรณภูมิหรืออุษาคเนย์ ทั้งการเล่นแร่แปรธาตุ คุณไสยมนต์ดำ เป็นที่นิยมร่ำเรียน   อีกประการหนึ่งคือประเพณีพม่านั้นนิยมเรื่องการเลี้ยงผีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยิ่งทำให้วิชาอาคมเหล่านี้เฟื่องฟูเป็นพิเศษ              
วิชาไสยศาสตร์ไม่ว่าน้ำมันพราย เสน่ห์ยาแฝด บังฟัน ปล่อยของเข้าตัว วิชาเหล่านี้นี้ร้ายกาจมาก เพราะทำให้เหยื่อตกอยู่ในความทรมานทั้งร่างกายจิตใจ เสียสติไม่เป็นตัวของตัวเอง ถ้าไม่มีความรู้ก็อาจนึกไปว่าเป็นคนบ้าคนเสียสติเอาได้ รักษาไม่ถูกวิธีก็ต้องนอนรอความตาย เพราะไม่มียาสมัยใหม่ชนิดใดจะรักษาได้เลย  อย่างผู้ถูกหนังวัวหนังควายเสกเข้าท้อง เวลาไปส่องกล้องก็จะมองไม่เห็น แต่เวลากลับมาบ้านก็จะปวดท้องทุรนทุราย อยู่ที่ความอำมหิตของหมอผีว่าจะให้ตายช้าๆหรือจะให้ตายเร็วๆ ให้ตายช้าๆก็ให้หนังวัวหนังควายมันขยายแล้วยุบลงเป็นช่วงๆ ให้ตายไว้ๆก็ขยายหนังวัวหนังควายให้เต็มท้องไปเลย
               นอกจากนี้การเข้าสิงคนโดยการใช้ให้ผีไปสิง หรือตนเองเป็นปอปแล้วไปสิงผู้อื่น วิชาแบบนี้เมื่อไปสิงใครแล้วก็จะกัดกินเลือดเนื้อของเหยื่อทำให้ตายลงอย่างช้าๆ วิชามนต์ดำแต่ละแขนงจึงเป็นวิชามารที่น่ากลัวคนธรรมดาไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว ใครก็ตามที่ไปยุ่งกับวิชาพวกนี้จะมีราศรีดำจับหน้า ต่อไปก็ไม่อยากไหว้พระ ไม่อยากเข้าสังคม จิตใจวิปริตไปทีละน้อยจนไม่มีศีลไม่มีธรรม จิตใจมีแต่พยาบาลโกรธเกลียดไม่พอใจใครต่อใครไปทั่ว หรือไม่ก็ลุ่มหลงในตัณหาราคะมากกว่าปกติ สรุปแล้ววิชาเหล่านี้เป็นวิชาทางกิเลสตัณหา ไม่ใช่วิชาประเสริฐที่ควรไปยุ่งเกี่ยวแม้แต่น้อย เป็นบาปเป็นกรรม ต่อผู้ทำ ผู้ใช้ทั้งสิ้น

               วิชายาแดงหรือยาสัจจะที่พ่อครูท่านถ่ายทอดให้ไว้เป็นวิชาที่สามารถปราบอำนาจมนต์ดำเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งพ่อครูโพดอห่านก็ได้ผจญมาแล้วหลากหลายรูปแบบ ก็สามารถชนะได้ทำชื่อเสียงวิชาสายยาแดงหรือยาสัจจะโด่งดังไปทั่วแผ่นดิน
หมายเหตุ    ท่านที่สนใจศาสตร์วิชาสายยาแดง  ส่วยหยิ่นจ่อ  ต้องการวัตถุมงคลในสายวิชานี้  หรือสอบถามเกี่ยวกับการสักยาแดง ส่วยหยิ่นจ่อ ติดต่อได้ที่วัดเขาแก้วชัยมงคล  ต.เขาแก้วศรีสมบูรณ์   อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
            รายละเอียดดูได้ในเว็บไซต์  www.poothai.net   และ www.suriyanchantra.net    
หรือทางสอบถามทาง  LINE    ID = 0830737515   


วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สีสะแลงแงง

สีสะแลงแงง  :  ของดีทั้งสี่รุ่น  เข้มขลังได้ดั่งใจ

            ครูบาชัยมงคล  ชยฺธมโม  ( พระครูโอภาสชัยมงคล )  เจ้าอาวาสวัดไทรย้อย  อ.เด่นชัย  จ.แพร่  เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้สืบสานไสยเวทย์วิทยาคมจากโบราณาจารย์คือหลวงปู่ครูบาขันแก้ว ผู้ทรงวิทยาคุณขมังเวทย์แห่งนครเชียงตุง
            หลวงปู่ครูบาขันแก้ว ท่านมีเชื้อสายเป็นชาวไทยใหญ่พำนักอยู่ในเชียงตุง ประเทศพม่า ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญด้านเวทย์มนต์คาถา การสร้างวัตถุมงคล การแก้อาถรรพ์ ปราบภูตผีปีศาจ ท่านได้เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมขลังให้ครูบาชัยมงคลที่ธุดงค์เดินทางจากจังหวัดแพร่ สยามประเทศไปกราบนมัสการขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาอาคม
            ครูบาชัยมงคล ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า... เมื่อครั้งไปศึกษากับหลวงปู่ครูบาขันแก้ว ท่านได้ประสิทธิวิชาต่าง ๆ ให้โดยเฉพาะด้านอาถรรพ์เวทย์คาถาอาคมต่าง ๆ  และหนึ่งในสรรพวิชาคือการสร้างและปลุกเสกมหาภูติผู้ทรงอิทธิฤทธิ์นามว่า”สีละแลงแงง” ที่ยากนักจักมีใครรู้ศาสตร์นี้เพราะเป็นของสำคัญไม่ธรรมดา บุญไม่พาวาสนาไม่ส่งกุศลไม่หนุนบุญไม่นำอย่าหวังเลยว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสวิชาสุดยอดเช่นนี้   ท่านประสิทธิ์ประสาทวิชาการสร้างและปลุกเสกให้และกล่าวเป็นปริศนาว่า...ในภายภาคหน้าจักได้ใช้ให้เป็นประโยชน์
        หลวงปู่ครูบาขันแก้วปรารภว่า...ครั้งท่านเป็นสามเณรได้จาริกออกแสวงหาความรู้โดยเฉพาะด้านไสยศาสตร์ได้มีโอกาสศึกษากับอาจารย์ขมังเวทย์ชาวเขมรและได้เรียนวิชาการสร้างและปลุกเสก”สีสะแลงแงง” มหาภูติที่ต้องสร้างจากมวลสารอาถรรพ์และปลุกเสกตามแบบฉบับลับเฉพาะ สามเณรขันแก้วในครั้งนั้นได้เล่าเรียนจนสำเร็จ
       กาลต่อมาเมื่อท่านพำนักอยู่ที่วัดในเชียงตุง ประเทศพม่า ได้สร้างมหาภูติ ” สีสะแลงแงง ” ไว้คุ้มครองวัด 4 ตน ประจำทิศทั้งสี่   คราวหนึ่งมีเหตุการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ฝ่ายกองกำลังทหารพม่าได้ออกปราบปรามชนกลุ่มน้อย   เมื่อเข้ามาตรวจค้นบริเวณวัดกลับไม่พบร่องรอยต้องสงสัย มองไม่เห็นแม้กระทั่งวัดของหลวงปู่ครูบาขันแก้วแม้แต่น้อยและยกกำลังกลับไปในที่สุด  ทั้งนี้ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของ” สีสะแลงแงง ”ที่คุ้มครองรักษาวัดและพระภิกษุสามเณรนั่นเอง


      ”สีแสะแลงแงง” ตามตำนานกล่าวว่าเป็นมหาภูติเคยเป็นบริวารของพระศิวะมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์สถิตย์ ณ ไกรลาสมหาคีรี เคยได้รับพรจากมหาเทพให้มีฤทธิ์มีเดชเป็นที่กล่าวขานกันทั่วเทวโลก  กาลต่อมาได้เป็นทหารเอกของพญายมแห่งยมโลก  ”สีแสะแลงแงง” ท่านมีนิสัยแบบนักรบกล้าหาญชาญชัย พูดจริงทำจริง   เอกอุทางด้านคุ้มครองพิทักษ์รักษาและรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ล่องหน หายตัว ย่นระยะทาง   ครูบาชัยมงคล  ชยฺธมโม  ได้เก็บรักษาวิชานี้มาเป็นเวลานาน จนกระทั้งถึงเวลาอันควร กล่าวคือ  หลวงปู่บุญ  โสภโณ  วัดทุ่งเหียง  อ.พนัสนิคม  จ.ชลบุรี  ที่มีความตั้งใจสร้าง”สีสะแลงแงง”ได้มอบหมายให้ครูบาชัยมงคลเป็นเจ้าพิธีในการปลุกเสก “สีสะแลงแงง”
            สถานที่ใช้ในการปลุกเสกต้องตามตำราโบราณคือ  บริเวณหน้าเชิงตะกอน( เมรุ )อันสะท้อนถึงมรณานุสติ  ให้มนุษย์ทุกผู้ทุกนามได้เข้าใจในสังสารวัตร อันการเกิด แก่ เจ็บ ตาย  เป็นสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน
            พิธีกรรมที่เข้มขลัง  ต้องตามศาสตร์โบราณทั้งเครื่องเซ่นที่เน้นของสดของคาว เมรัย หมากพลู ยาสูบ  พานดอกไม้ ขันห้าขันแปด  บทสวดก็มีเฉพาะเจาะจง  ทั้งนี้เพื่อปลุกเสก “สีสะแลงแงง”  มหาภูติอย่างครบสูตรตามศาสตร์โบราณ
            หลวงปู่บุญ  โสภโณ สวดคาถาอธิษฐานจิต  บริกรรมมนตรามหาเวทย์  มหาอาคม  ครูบาชัยมงคล  ได้ร่ายพระเวทย์สาธยาย
            “สีสะแลงแงง” ที่นำมาปลุกเสกครั้งนี้สร้างด้วยผงอาถรรพ์ที่หลวงปู่บุญและครูบาชัยมงคลได้เสาะแสวงหามาครบตามตำหรับ อาทิ ดินเจ็ดป่าช้า เจ็ดป่า เจ็ดโป่ง เจ็ดนคร ผงพรายกุมารเจ็ดตน นำมารวมกันแล้วเสกคาถากำกับให้มีแต่คุณประโยชน์ไม่มีโทษไม่มีภัย
 รูปลักษณะ ด้านหน้าเป็นรูป “สีสะแลงแงง”  มหาภูติ  ผู้มีฤทธานุภาพทรงเครื่องแบบนักรบโบราณในท่าบริกรรมร่ายพระเวทย์   ด้านหลังเป็นยันต์ “มหาเวทย์  มหาอาคม”  พร้อมฝังตะกรุดเงิน “อุดมโชค โภคทรัพย์ มหาสมบัติ”
            ครั้นเมื่อพิธีการปลุกเสกเสร็จแล้ว  ได้อาราธนาหลวงปู่บุญ  โสภโณ  ประพรมน้ำพระพุทธมนต์และโปรยดอกไม้เพื่อความเป็นสิริมงคล
            ตามตำราโบราณศาสตร์แห่งการสร้างสีสะแลงแงงจะต้องหาร่างตัวแทนเพื่อสื่อกับ “ท่านสีสะแลงแงง”เพื่อขอทราบว่าพิธีกรรมการสร้าง การปลุกเสก เครื่องเซ่นสังเวย เป็นที่พอใจท่านผู้มีศักดิ์ใหญ่มีฤทธิ์มีเดชหรือไม่เพียงไร
            ครูบาชัยมงคล  ได้ขอให้ชายผู้หนึ่งที่มาร่วมพิธีโดยมิได้นัดหมายมาก่อน  เป็นผู้ถือสีสะแลงแงงไว้ แล้วครูบาชัยมงคลก็ร่ายพระเวทย์
            เหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผล  ชายผู้นั้นกำ”องค์สีละแลงแงง”ใว้ในมือแน่น ร่างกายเริ่มสั่นสะเทิ้น พูดจาโต้ตอบกับครูบาชัยมงคลเป็นภาษาแปลก ๆ เสียงดังชัดเจน  กังวาลลั่นวัดทุ่งเหียง เมื่อเสร็จการสนทนา อาการค่อย ๆ คลายกลายเป็นปกติ ( บันทึกเป้นวิดีโอไว้ ดูได้ที่เว็บ www.สุริยันจันทรา.com )
            ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นประจักษ์พยานได้ว่า “ท่านสีสะแลงแงง” ได้มาอนุโมทนาสาธุการพึงพอใจในพิธีกรรมและเครื่องเซ่นสังเวย  อีกจักส่งผลให้ผู้บูชาศรัทธา  ได้รับคุณประโยชน์  ได้รับความเป็นสิริมงคล  ได้รับความปลอดภัย  ได้โชคได้ลาภเป็นอเนกประการ
             ครูบาชัยมงคล  กล่าวว่า “สีสะแลงแงง  เป็นมหาภูติ  มหาเวทย์  มหาอาคม  อุดมโชค  ปราศจากโทษ  ไม่มีภัย  บูชาได้เป็นมงคล  เมื่อบูชาไปแล้ว วันแรกให้จุดธูป 7 ดอก บอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ตำบลแห่งแหล่งที่อยู่...ขอเป็นเจ้าของ “สีสะแลงแงง”  ขอให้ช่วยคุ้มครองรักษาท่านและครอบครัวให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จากนั้นก็ให้กล่าวขอสิ่งที่ดีงามอันไม่ขัดต่อศีลธรรม
            การบนบาน“สีสะแลงแงง”  นั้นจักต้องรักษาสัจจะ บนอะไรก็ต้องแก้บนตามนั้น  เคล็ดวิธีบูชาการบูชา“สีสะแลงแงง”  คือเซ่นด้วยเหล้าขาว ( เหล้าสีไม่โปรด) หยดลงองค์ท่าน (ซึ่งได้อัดกรอบพลาสติกเจาะรูด้านหน้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว)
            “สีสะแลงแงง”  เป็นภูติคล้ายกับ”กุมารทอง”ที่เป็นกุมารเป็นเด็ก  แต่สีสะแลงแงงเป็นภูติผู้ใหญ่มีฤทธิ์มีเดชมาก  ช่วยคุ้มครองพิทักษ์รักษาผู้เป็นเจ้าของ บอกกล่าวข่าวล่วงหน้าด้วยลางสังหรณ์ เฝ้าบ้านเฝ้าเรือกสวนไร่นา ( คล้ายกับการสร้างหุ่นพยนต์ )
ด้านขอโชคขอลาภก็ไม่เป็นสองรองใคร  หลายรายที่บูชาไปมาบอกกับหลวงปู่บุญที่วัดทุ่งเหียงว่า”...ทีแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...ก็ลองขอโชคขอลาภ  การขอก็ตั้งใจบนบาน เมื่อได้แล้วก็แก้บนตามสัจจะ  โชคดี รับทรัพย์ไปหลาย”


การจัดสร้างสีสะแลงแง รุ่นต่าง ๆ มีดังนี้
1.สีละแลงแงง เนื้อผง พิมพ์สี่เหลี่ยม  สร้างโดยหลวงปู่บุญ โสณโณ  วัดทุ่งเหียง องค์ละ 400 บาท  อัดกรอบพลาสติก องค์ละ 450 บาท





2.สีสะแลงแงง เนื้อผง พิมพ์ห้าเหลี่ยม  สร้างโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย องค์ละ 400 บาท  อัดกรอบพลาสติก องค์ละ 450 บาท



3. สีสะแลงแงง ( ปลุกเสกที่เขาโปปา พม่า ) เนื้อผงเข้มข้นพิเศษ เจิมผงสีชาด พิมพ์ห้าเหลี่ยม  สร้างโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย องค์ละ 500 บาท

4.สีสะแลงแงง  เนื้อทองเหลือง อุดผงใต้ฐาน ฝังตะกรุด  สร้างโดยครูบาชัยมงคล วัดไทรย้อย องค์ละ 399 บาท  อัดกรอบพลาสติก 450 บาท  ( พิมพ์นี้ครูบาชัยมงคล ออกแบบเอง )



บูชาได้ที่    "สุริยัน จันทรา"   ซอยวชิรธรรมสาธิต 8   สุขุมวิท 101/1 เขตบางนา  กรุงเทพฯ  โทร 083-073-7515  / 02-399-2000  LINE  ID = 0830737515
     ท่านที่สนใจเครื่องรางของขลัง  ที่ได้ผลเร็ว  แรงด้วยอิทธิปาฏิหาริย์  บนได้ไหว้รับ
ต้องนี่เลย
                                  สีสะแลงแงง  :  ของดีทั้งสี่รุ่น  เข้มขลังได้ดั่งใจ

พ่อครูโพดอห่าน ตอน ผจญลูกสาวต่อเต็งโหย่ง

สิทธามหาเวทย์ โดย ทิพยจักร
พ่อครูโพดอห่าน ตอน  ผจญลูกสาวต่อเต็งโหย่ง
สายวิชายาแดงหรือยาสัจจะ เริ่มต้นตั้งแต่บรมครูโพโพอ่อง ซึ่งท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดวิชาให้กับพ่อครูสย่าเอและสย่าปิว ต่อมาพ่อครูสย่าเอและสย่าปิวจึงถ่ายทอดวิชานี้ให้กับพ่อครูสย่าปุ้ย ในยุคของพ่อครูสย่าปุ้ยท่านได้ขนานนามวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดนี้ว่า เอ็กซาติยะ
       ต่อมาพ่อครูสย่าปุ้ยได้ถ่ายทอดวิชาให้กับพ่อครูสย่าห่าน ในยุคของพ่อครูสย่าห่านได้ขนานนามวิชานี้ขึ้นว่า ส่วยหยิ่นจ่อ เอ็กซาติยะ

เรื่องราวของพ่อครูสย่าห่านน่าศึกษามาก เพราะมีเรื่องของการผจญภัยต่อสู้กับพ่อมดหมอผีมนต์ดำอยู่หลายครั้งภายหลังจากแม่มดมนต์ดำต่อเต็งโหย่งพ่ายแพ้แก่บารมีธรรมของพ่อครูโพดอห่านแล้ว ลูกสาวคนหนึ่งเกิดความเคียดแค้นในพ่อครูโพดอห่านมาก จึงคิดแก้แค้นให้แม่ของตน

มาวันหนึ่งขณะที่พ่อครูโพดอห่านกำลังขายบุหรี่ให้ชาวจีนในเมืองเมาะละแหม่ง เผอิญได้เห็นหญิงคนหนึ่งหยิบของในร้านชาวจีนมากมาย พอจะออกจากร้านกลับจ่ายเงินให้เพียงนิดเดียวไม่สมกับของที่เอาไป ชายจีนเจ้าของร้านก็ไม่ว่ารับเงินแล้วก้มหน้าทำงานต่อ เป็นที่แปลกใจของพ่อครูโพดอห่านมากจึงถามกับเจ้าของร้านชาวจีนนั้นว่าไม่เห็นรึว่าผู้หญิงคนนั้นเอาของไปตั้งเยอะแต่จ่ายเงินให้ท่านนิดเดียว
เจ้าของร้านบอกว่าเห็น แต่ไม่กล้าว่าอะไร เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นอ็อกลาน เป็นแม่มดมนต์ดำ มีวิชาปลอ่ยของเข้าท้องคนทำให้ตายได้ ใคร ๆ ก็กลัวนางคนนี้ทั้งสิ้น เพราะสามารถเสกลูกมะพร้าว หนังวัวหนังควาย ตะปูเข้าท้องได้หมด นับว่าเป็นผู้มีวิชาแก่กล้ามาก
แม่มดอ็อกลานล่วงรู้สิ่งที่พ่อครูโพดอห่านสนทนากับพ่อค้าชาวจีน ก็ไม่พอใจหมายจะลองวิชาฆ่าพ่อครูให้ได้ วันรุ่งขึ้น แม่มดอ็อกลานจึงมาดักรอพ่อครูแล้วเชิญให้ไปรับประทานอาหารที่บ้านของตน พ่อครูโพดอห่านจำหน้าไม่ได้นึกว่าจะเป็นลูกค้ามาติดต่อขอซื้อบุหรี่ก็ไปด้วย พอไปถึงนางแม่มดอ็อกลาน นำอาหารออกมามากมาย มีผัดถั่วงอก ปลาทอด น้ำพริก ฯลฯ พ่อครูโพดอห่านแปลกใจว่าทำไมจึงเอาอาหารมากมายขนาดนี้ ชะรอยจะมาลองวิชาหรือมีพิรุธอย่างหนึ่งอย่างใด ในขณะที่นางแม่มดอ็อกลานเดินกลับเข้าไปในครัว พ่อครูก็เอามือโบกเหนือสำรับกับข้าวแล้วสั่งด้วยวาจาสิทธิ์ว่า เป็นมาอย่างไรให้คืนสภาพเป็นอย่างนั้น ปรากฏว่ากับข้าวบางจานนั้นเช่นผัดถั่วงอกกลับกลายเป็นหนอนยั้วเยี้ยไปหมด ส่วนปลาทอดกลายเป็นเส้นผมผีตายโหงและหนังวัวเสก ถ้ากินลงไปก็ถึงตาย

 เมื่อพ่อครูรู้แล้วก็โบกมือให้ทุกอย่างกลับเป็นอาหารเหมือนเดิม แล้วสั่งด้วยวาจาสิทธิ์ว่า ขอให้ทวยเทพที่ทำหน้าที่ผูกมัดจงมัดภูติผี เมื่อนางแม่มดมานั่งร่วมวง พ่อครูก็รับประทานอาหารตามปกติ ส่วนนางแม่มดอ็อกลานนั้นทันทีที่มานั่งก็เกิดอาการขยับตัวไม่ได้เหมือนโดนผูกมัด เพราะทวยเทพยดาที่ทำหน้าผูกมัดได้มัดไว้แล้วด้วยเชือกทิพย์
พ่อครูรับประทานอาหารได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทานเสร็จก็ขอบคุณขอตัวลากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่บัดนี้นางแม่มดอ็อกลานกำลังทุรนทุรายเพราะโดนผูกมัดด้วยอำนาจวาจาสิทธิ์อยู่ จึงร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อครูพร้อมทั้งรีบขอขมาในสิ่งที่ตนเองทำลงไป
พ่อครูหันมาถามว่าท่านรับรองเลี้ยงดูเราอย่างดีแล้วมาขอขมาเรื่องอะไร ตอนนี้แม่มดอ็อกลานสารภาพหมดเปลือกว่า ไม่พอใจที่พ่อครูคุยกับเจ้าของร้านชาวจีน วันนี้เชิญมาบ้านเสกเส้นผมผีตายโหง ตะปู หนังวัว ให้เป็นอาหารหมายให้ท่านกินเข้าไปจะได้ตาย แต่วิชากลับทำอะไรไม่ได้ มาตอนนี้เนื้อตัวเหมือนโดนมัดเจ็บปวดไปหมดขยับก็ไม่ได้ ขอให้ท่านช่วยด้วย
ทางพ่อครูกำหนดรู้ว่าแม่มดอ็อกลานยอมแพ้ จึงสอนว่าคราวหลังอย่าได้ไปทำแบบนี้กับผู้ใดอีกเพราะเป็นบาปเป็นกรรม  ถ้าทำอีกจะโดนลงโทษเช่นนี้ เมื่อแม่มดอ็อกลานยอมทุกอย่าง พ่อครูจึงสั่งด้วยวาจาสิทธิ์ว่าให้คลายออก แล้วลานางไป
ชัยชนะของพ่อครูโพดอห่านทุกครั้งล้วนเกิดจากคุณธรรม คุณงามความดีของท่านทั้งสิ้นประกอบกับตัวยาที่สักไว้ในตัวจึงเกิดอิทธิฤทธิ์ไปในการปราบคุณไสยมนต์ดำได้อย่างน่าอัศจรรย์ ความสามารถนี้เกิดได้กับผู้ที่ผ่านการสักยาสัจจะทุกท่าน ทั้งนี้มีความเคารพในพระรัตนตรัย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ถือสัจจะด้วยความจริงใจ ผู้ที่ประพฤติตนได้เช่นนี้ย่อมเกิดอิทธิฤทธิ์จากอำนาจครูที่จะบันดาลให้มีอำนาจเหนือภูติผีปีศาจมารร้ายทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์

ตำนานพ่อครูของวิชาสายยาสัจจะนั้น แต่ละท่านล้วนประกอบคุณงามความดี มีความอดทนมีความเพียรไม่ย่อท้อต่อการสร้างความดีแห่งตน และมีสัจจะจริงใจ ตั้งมั่นในคุณธรรม ท่านทั้งหลายจึงมีคุณวิเศษเป็นที่เลื่องลือจนมาถึงทุกวันนี้ วิชาสายยาสัจจะนั้นเป็นวิชาที่มีอิทธิฤทธิ์มาก และเป็นวิชาทางช่วยเหลือผู้คนดังนั้นผู้ที่รับวิชานี้จึงต้องมีศีล มีธรรมมีเมตตาจึงสามารถรับวิชานี้ไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
ผู้ที่เข้าถึงวิชาสายยาสัจจะมีความเคารพเชื่อมั่น เมื่อพบกับผู้โดนคุณไสยฯ แม้ว่าไม่รู้คาถาสักตัว ก็สามารถใช้วาจาสิทธิ์ของตนสั่งให้ผีออกจากร่างหรือสั่งให้คุณไสยมนต์ดำเสื่อมฤทธิ์ออกมาจากร่างของผู้ป่วยได้ เพราะวิชายาสัจจะนั้นตราบเท่าที่เรายังรักษาสัจจะที่ไว้กับครู มีศีลมีธรรม ตราบนั้นเนื้อตัววาจาใจของเราจะศักดิ์สิทธิ์ตามฤทธิ์อำนาจยาไปด้วย

คุณธรรม ศีลธรรม จึงนับเป็นหัวใจสำคัญของอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย วาจาจะศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็ต้องมีสัจจะความจริง จิตใจจะมีฤทธิ์ได้ก็ต้องมีสติ มีสมาธิ มีคุณธรรม ศีลธรรม ผู้ใดที่รักษาความประพฤติได้ตามนี้ย่อมรักษาอำนาจกายสิทธิ์แห่งวิชาและย่อมพบแต่สิ่งที่ดีงามเสมอไป