เส้นทางแห่งศรัทธา
พนมกุเลน มเหนทรบรรพต
พนมกุเลน เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สำคัญในประเทศกัมพูชาเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่เมืองเสียมเรียบ
ประเทศกัมพูชาห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร
พนมกุเลนได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่
14 หรือในราวปีพ.ศ.1345ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่
2 ศิลปะแบบกุเลน ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายซึ่งนับถือพระศิวะมหาเทพ
สำหรับคำว่า “ พนม”ในภาษากัมพูชาหมายถึง“ภูเขา”และคำว่า
“กุเลน” หมายถึง“ต้นลิ้นจี่”
ชื่อนี้คงได้มาจากในอดีตที่ผ่านมาบนเขาพนมกุเลนแห่งนี้อุดมไปด้วยต้นลิ้นจี่ป่า
พนมกุเลนหรือมเหนทรบรรพต
เป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาว 37กิ โลเมตรความสูง 800 เมตร พระเจ้าชัยวรมันที่ 2
ได้ทรงสถาปนาพนมกุเลนเป็นศูนย์กลางเมืองหลวงแห่งนี้ขึ้นมาพร้อมๆ กับที่พระองค์ได้ทรงสถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้น
หลังจากกอบกู้เอกราชจากการปกครองของศรีวิชัยจากชวา ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาขึ้นที่พนมกุเลนโดยเชิญพราหมณ์
“ศิวะไกรวัลย์”จากเมืองกัมปงจามมาเป็นผู้ประกอบพิธี แม้ไม่มีหลักฐานใดๆ
ที่บอกว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงประทับอยู่บนเขาพนมกุเลนระยะเวลานานเท่าใด
แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อกันว่าคงไม่นานนักเพราะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน
จึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นเมืองหลวงเท่าใดนัก ในที่สุดพระเจ้าชัยวรมันที่ 2
ก็ทรงเสด็จกลับมาครองราชย์ที่เมืองหริหราลัยตามเดิม จากนั้นก็ทรงประทับอยู่ที่เมืองหริหราลัยจนถึงวันสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพเสด็จสวรรคตในปี
พ.ศ.1393 ภายหลังการเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงได้รับถวายพระนามว่า “ปรเมศวร” หลังจากนั้นก็ไม่มีกษัตริย์ขอมองค์ใดย้ายเมืองหลวงมาบนเขาพนมกุเลนอีก
ร่องรอยอดีตของพนมกุเลนจึงพบว่ามีปราสาทหลังเล็ก
ๆ หลายแห่งแต่มีสภาพทรุดโทรม แต่ที่น่าสนใจคือศิวลึงค์แกะสลักอยู่ใต้น้ำนับพันองค์และภาพแกะสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ตลอดความยาว
400 เมตรในลำธารบนเขาพนมกุเลนแห่งนี้
ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย
บูชาศิวลึงค์ว่าเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งมวล ศิวลึงค์ใช้แทนองค์พระศิวะเทพ
และฐานโยนีที่ล้อมรอบศิวลึงค์ หมายถึงพระนางอุมาเทวีชายาของพระศิวะ ศาสนาฮินดูเชื่อกันว่าตราบใดที่ศิวลึงค์และโยนีทั้งสองอย่างนี้ถ้ายังอยู่ด้วยกัน
ตราบนั้นโลกจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง
ปกติสำหรับการบูชาศิวลึงค์นั้น พราหมณ์จะเป็นผู้นำน้ำมารดบนศิวลึงค์และน้ำที่รดนั้นจะไหลออกไปที่ช่องโยนี
ลงไปยังโสมสูตรเพื่อให้ผู้คนที่มารองรับน้ำนี้ไปตามความเชื่อที่ว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยได้และเป็นสิริมงคล แต่ทว่าการประกอบพิธีด้วยการทำน้ำศักดิ์สิทธิ์
กระทำไม่บ่อยนัก เมื่อกระทำพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ปริมาณน้ำที่ไม่มากนักในขณะที่ชาวเมืองต่างพากันมารองรับน้ำกันมากมาย
พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 จึงทรงเกิดความคิดทำให้แม่น้ำเสียมเรียบกลายเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เสมือนแม่น้ำคงคา
พระองค์จึงโปรดให้สร้างศิวลึงค์อยู่ใต้น้ำบนธารน้ำบนเขาพนมกุเลนซึ่งเป็นต้นแม่น้ำเสียมเรียบ
เมื่อน้ำไหลผ่านรูปแกะสลักศิวลึงค์ใต้น้ำ จึงถือว่าน้ำที่ผ่านศิวลึงค์บนพนมกุเลนจะกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลไปตามนาวาวิถีแม่น้ำเสียมเรียบสู่ชาวบ้านชาวเมืองเรือกสวนไร่นาเพื่อความอุดมสมบูรณ์
จำนวนศิวลึงค์ที่อยู่ใต้น้ำหนึ่งพันองค์ก็เป็นความเชื่อตามคติโบราณแทนฤาษีหนึ่งพันตน
นอกจากศิวลึงค์แล้วพนมกุเลนยังมีรูปพระนารายณ์ ในปางนารายณ์บรรทมสินธุ์ และพระพรหมแกะสลักอยู่ด้วยจึงถือว่า....
”พนมกุเลน มเหนทรบรรพต”มีครบสามมหาเทพ...ตรีมูรติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น