หลวงปู่สรวง
ข้าวน้ำดี มั่งมีถาวร
เรื่องราวเกี่ยวกับ “หลวงปู่สรวง
เทวดาเดินดิน เทวดาเล่นดิน” ที่มีหนังสือ นิตยสาร ตีพิมพ์กันนั้นก็มีหลายแบบหลายแนว ครั้งนี้ก็ขอยกเรื่องเกี่ยวกับประวัติของหลวงปู่สรวง อีกแง่มุมหนึ่งที่เรียบเรียง โดย ทิพยจักร
นักเขียนที่มีความศรัทธาในบารมีธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายหลวงปู่เทพโลกอุดร
สายอภิญญาและติดตามลงพื้นที่ค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ อย่างจริงจัง
ทิพยจักร ได้บันทึกไว้ว่า........พระอาจารย์เทียนชัย
แห่งวัดเทพสรธรรมาราม ( บายตึ๊กเจีย ) ปทุมธานี ได้เล่าไว้ว่า ก่อนหลวงปู่สรวงจะละสังขารปี 43
ท่านบอกกับคนใกล้ชิดว่าอีก 10 ปีความลับจะเปิดเผย
ครั้นพอครบ 10 ปี ในปี 2553
เป็นปีที่ พระเทพวิมลญาณ (หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าคุณถาวร) วัดปทุมวนาราม
ปทุมวัน กรุงเทพ เชิญอาจารย์สมมรรค กั้วพิสมัย
ขึ้นบรรยายธรรมบนศาลาพระราชศรัทธา (วัดปทุมวนาราม ปทุมวัน กรุงเทพฯ)
ในวาระนี้เองอาจารย์สมมรรคได้ขึ้นเล่าเรื่องราวของหลวงปู่สรวงที่ได้รับ
ฟังมาจากหลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก
มีศรัทธาญาติโยมรับฟังเรื่องราวของหลวงปู่สรวงในครั้งนั้นในครั้งนั้นเป็น
จำนวนหลายร้อยคนเต็มศาลาพระราชศรัทธาไปหมด
ท่านอาจารย์สมมรรคเริ่มเปิดประวัติของหลวงปู่สรวงจากคำบอกเล่าของหลวงปู่โป๊ะ
วัดบ้านบิง ดังนี้ว่า
“
หลวงปู่สรวงเป็นชาวเขมรเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าชัยวรมัน
องค์หลวงปู่สรวงท่านมีศักดิ์มีฐานันดรเป็นลูกชายคนโตครองตำแหน่งอุปราชผู้จะ ขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งเมืองขอมคนต่อไป ท่านเป็นพี่ชายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1
และแน่นอนว่าถ้าท่านอยู่ตามทางโลกท่านย่อมเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 1
อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
แต่องค์หลวงปู่สรวงมีจิตใจใผ่ในทางเนกขัมมะคือออกบวชมาแต่เยาว์วัยด้วยวาสนา
ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ
และไม่ปรารถนาจะอยู่ตามทางโลกอีกต่อไปทั้งเล็งเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ตามทาง
โลกโดยเฉพาะการขึ้นครองราชย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่มีภาระมากต้องตัดสินลง อาญา
ต้องก่อกรรมทำบาปโดยใช่เหตุ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจออกบวช
การออกบวชครั้งแรกของหลวงปู่สรวงนั้นท่านออกบวชเป็นฤาษี
ท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลำเนาไพรจนไปพบเจออาจารย์ที่เป็นมหาฤาษีผู้สำเร็จ
อภิญญาสมบัติ มีอายุยืนยาวนับพันปี
มีญาณสมาบัติกล้าแข็งมีฤทธิ์อภิญญาสามารถเหาะเหินเดินฟ้า เดินไต่น้ำ ดำดิน
เดินทะลุภูผากอไผ่หินผาศิลาแลงที่ทึบทั้งแท่งก็เดินทะลุได้ มีตาทิพย์หูทิพย์
ล่วงรู้ในสิ่งต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์
หลวง ปู่สรวงร่ำเรียนวิชากับองค์มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ
ครบถ้วน ทรงอภิญญามีอายุยืนยาวนานไม่จำกัดกาลเวลาได้
ที่สำคัญคือองค์หลวงปู่สรวงมีอภิญญาแก่กล้าทางด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ
หลวงปู่สรวงเมื่อสำเร็จเป็นมหาโยคีผู้มีฤทธิ์อำนาจทางจิตอย่างสมบูรณ์แล้ว
ท่านก็เที่ยวโปรดชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
องค์หลวงปู่สรวงท่านจะประจำอยู่ตามอโรคยาศาลาโดยอโรคยาศาลานี้เป็นปราสาทหิน
ขนาดเล็กสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล แก่ประชาชนชาวบ้านทั้งหลาย
ที่ได้รับทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ องค์หลวงปู่สรวงท่านก็โปรดชาวบ้านด้วยเวทย์มนต์คาถา
ตัวยาสมุนไพร พลังอำนาจจิต ทำให้ชาวบ้านพ้นจากทุกข์ของเจ็บไข้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ใน ช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที 1 ชนชาติขอมยังนับถือลัทธิพราหมณ์
บูชาเทพยดา และภูตผีเป็นสรณะ พระเจ้าแผ่นดินยอมให้สร้างปราสาทเพื่อบูชาเทพเจ้า
การสร้างปราสาทต้องใช้แรงงานทั้งคนทั้งสัตว์จำนวนมากมาย
นอกจากนี้การบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้น ยังนิยมการบูชายัญ และพิธีกรรมอีกมากมาย
ทัศนคติการใช้แรงงานคนในการสร้างปราสาทหินและการบูชายัญนั้นหลวงปู่สรวงไม่
เห็นด้วย เพราะเป็นการทรมานคน ทรมานสัตว์ เห็นแล้วเกิดความสังเวชใจ
อย่างไรก็ตามหลวงปู่สรวงหรือมหาโยคีสรวงในครั้งนั้นก็ได้แต่เก็บความรู้สึก
ไว้ภายใน และด้วยอำนาจฌานสมบัติที่ท่านสำเร็จสำเร็จแล้ว
จึงทำให้ท่านสามารถมีชิวิตยืนยาวนับแต่รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1
จนมาถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 2,3,4,5,6และ 7
ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นี่เองความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาแบบมันตรยานกำลังก่อตัวและเจริญ
อย่างสุงสุด ในช่วงต้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ยังนับถือลัทธิพราหมณ์
จนกระทั่งมหาโยคีสรวงได้ปลงใจว่าควรจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา
เพราะเป็นศาสนาที่มีการบำเพ็ญสมณธรรมและมีหลักธรรมอันลึกซึ้ง
เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับลัทธิโยคีที่ตนนับถืออยู่
แต่ดีกว่าลัทธิพราหมณ์ตรงที่ไม่เน้นการสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า
ไม่มีการบูชายัญ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ดังนั้นองค์มหาโยคีสรวงจึงขอออกบวชเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
โดยมีพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
เป็นองค์ประธานในการบวชและเมื่อมหาโยคีสรวงกลายมาเป็นหลวงปู่สรวงแล้วท่านก็
ชักชวนให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หันมานับถือพระพุทธศาสนา
จนกระทั่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
มีพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง
พระองค์ทรงนับถือในคติพระโพธิสัตว์ตามแนวมันตรยานที่นับถือองค์อวโลกิเตศวร
พระองค์มีความเชื่อว่าพระองค์คือองค์อวตารของพระอวโลกิเตศวรเจ้า
ทั้ง นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้พระองค์จำหลักหน้าพระองค์เองไว้ตามปรางค์ปราสาท
ต่างๆ เรียกหน้าแบบ “บายน” จัดเป็นกลุ่มๆละ 9
กลุ่มละ 72 กลุ่มละ 81
ทุกกลุ่มเมื่อเอาเลขสองตัวบวกกันจะรวมแล้วได้ 9
ทุกครั้งไปการสร้างการจำหลักพระพักตร์ของพระองค์ไปทุก ๆ ทิศเป็นไปตามคติที่ว่า
องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเป้นผู้มองสรรพสัตว์และเงี่ยหูฟังสรรพสัตว์
ทั้งหลายด้วยปรารถนาจะสงเคราะห์ช่วยเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง
โดยเฉพาะทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั้นแล
หลวงปุ่สรวงเมื่อบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาแล้วก็เจริญกรรมฐานตามแนวทางของพระพุทธองค์จนบรรลุธรรมสูงสุด
เป็น “จตุปฏิสัมภิทาญาณ” แก่กล้าในอิทธิฤทธิ์ในเดชสูงสุด
ดำเนินตนตามแนวทางพระโพธิสัตว์ คือ
แม้บรรลุหลุดพ้นแล้วก็ยังไม่เข้านิพพานจะยังโปรดสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย
ดูแลพระพุทธศาสนาต่อไปก่อน
อีกนานเท่าไรไม่มีกำหนดแล้วแต่ความปรารถนาขององค์หลวงปู่สรวงท่านเอง
หลวงปู่สรวงมีชีวิตอยู่อย่างไร้กาลเวลาไม่มีกำหนดเวลาถึงความสิ้นสุด
ท่านชำนาญในการเข้านิโรธ เข้าสมบัติ 8
ถอดจิตชำนาญในมโนมยิทธิการแสดงฤทธิ์ทางใจ ชำนาญในกสิณอภิญญา ควบคุมบังคับธาตุทั้ง 4
ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้อย่างเด็ดขาด สามารถเนรมิตวัตถุ
สามารถเรียกของจากอีกที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งได้
สามารถชนะแรงโน้มถ่วงของโลก ชนะกาลเวลา มีความเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด
ชนะกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ทางโลกวัตถุทุกประการ
นี่คืออภิญญาส่วนหนึ่งอันยกตัวอย่างมาน้อยนิดในองค์พระหลวงปู่สรวงมหามุนี ดาบสผู้ทรงอิทธิ์ฤทธิ์บุญฤทธิ์เหนือโลกเหนือวิลัยแห่งปถุชนคนธรรมดา
หากจะนับอายุของหลวงปู่สรวงตั้งแต่เกิดมาในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน
จนมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุท่านก็นับพันปีแล้ว
และหากนับช่วงระยะเวลาจากยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
จนถึงปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่า 1,200 ปี
ลองคำนวณดูแล้วอายุของท่านก็ยาวนานนับพันปี
เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่หลวงปู่โป๊ะ
วัดบ้านบิงถ่ายทอดเอาไว้ “
อาจารย์สมมรรค
กั๊วพิศมัย
เคยได้ศึกษาธรรมกับหลวงปู่สรวงและหลวงปู่ก็เมตตามาเยี่ยมและพำนักที่สถาปฏิบัติธรรมของอาจารย์สมมรรคที่เชิงเขากระโดง
บุรีรัมย์
อาจารย์สมมรรคได้เก็บรักษาเส้นเกษาและจีวรที่หลวงปู่สรวงมอบให้ และในปี พ.ศ.2553 อาจารย์สมมรรค
ได้นำเส้นเกษาและจีวรของหลวงปู่สรวงถวายพระเทพวิมลญาณ (หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าคุณถาวร)เพื่อจัดสร้างรูปเหมือนหลวงปู่สรวง
2 องค์ คือองค์ยืนสะพายย่าม และ
องค์นั่งบริกรรม
ปัจจุบันรูปเหมือนหลวงปู่สรวง องค์ยืนประดิษฐานที่สวนป่าศาลาพระราชศรัทธา
วัดปทุมวนามราม ( ศาลาเดียวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ) สำหรับองค์นั่งบริกรรมประดิษฐานที่ศาลาเอนกประสงค์
( ติดกับศาลาพระราชศรัทธา)
ทั้งสององค์นี้มีผู้ไปกราบไหว้บูชาอธิษฐานขอพรเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ด้วยแรงศรัทธา ด้วยประสบการณ์ที่พบประสบจริง
ในโอกาสจัดสร้างรูปเหมือนหลวงปู่สรวงโดยพระเทพวิมลญาณ
(หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าคุณถาวร) เป็นผู้นำศรัทธาครั้งนี้
มูลนิธิถาวรจิตตถาวโรฯ ได้จัดสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่สรวง
รุ่น ข้าวน้ำดี มั่งมีถาวร
ประกอบด้วยเหรียญ ล๊อคเก็ต
รูปหล่อรูปเหมือนหลวงปู่สรวง
ท่านที่สนใจเชิญบูชาได้ที่ฝ่ายวัตถุมงคลมูลนิธิถาวรจิตตถาวโรฯ วัดปทุมวนาราม ถนนพระราม1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ
ขอเชิญชวนทั้งทั้งหลายไปกราบขอพรขอบารมีองค์หลวงปู่สรวงได้ทุกวัน.....สวรรค์มีตา
เทวดาเดินดิน
วัตถุมงคลหลวงปุ่สรวง รุ่นต่าง ๆ ดูได้ที่ www.amulettv.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น