เรื่องราวของพ่อครูโพมินข่องเป็นที่นับถือในหมู่ชาวไทยใหญ่
พม่าและมอญ และนับเอาพ่อครูโพมินข่องเป็นหนึ่งในสิบของพ่อครูทั้ง ๑๐ แห่งสายวิชา
รายนามพ่อครูทั้ง ๑๐
นั้นมีดังนี้คือ ๑ พ่อครูพู่พู่อ่อง ๒ โพมินข่อง ๓ พ่อครูบูดออี ๔
พ่อครูบูดอบิวหรือสะยาปิ้ว ๕ พ่อครูบูดอปุ้ย ๖ พ่อครูอุเมี๊ยะขิ่น ๗
พ่อครูสัจจะยามิน ๘ พระมหาโอสถวิชา ๙ เส่วิชา ๑๐ ต่อวิชา
ทั้ง ๑๐
ท่านนับเป็นยอดบรมครูแห่งการสัก รวมไปถึงวิชาการเล่นแร่แปรธาตุเพื่อสำเร็จความเป็นอมตะ
ธรรมของพ่อครุทั้ง ๑๐ นั้นล้ำลึกพิสดาร สมบูรณ์ด้วยธรรมและอิทธิฤทธิ์ พลังเหนือโลก
ที่สามัญชนคนธรรมดายากจะเข้าถึง
ตามคติความเชื่อนั้นแม้ผู้ใดมีบารมีของพ่อครูท่านใดเพียงท่านเดียวสถิตย์อยู่กับตัว
ด้วยลายสักยันต์ยาแดงก็ดี
หรือด้วยคาถาที่ท่องจำไว้ในใจก็ดีหรือเพียงระลึกถึงท่านด้วยใจเคารพศรัทธาอันมั่นคงก็ดี
คนผู้นั้นไม่มีโดนทำร้ายด้วยคุณไสย คุณคน หรือแม้แต่พิษร้าย
สัตว์ร้ายต่างๆก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้
พ่อครูโพมินข่อง
คือหนึ่งในผู้บรรลุอภิญญาฤทธิ์แห่งเมืองพุกาม มีผู้คนบูชาท่านมากมาย
ขนาดที่เขาโปปาอันเป็นสิงสถิตของมังมหาคีรีนัต ยังคงมีห้องของท่านซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของท่านปรากฏไว้บนเขาโปปา
เพื่อให้คนได้มีโอกาสไปสักการะ ไประลึกถึงอยู่เป็นประจำ
รูปของพ่อครูโพมินข่อง
มักเห็นในรูปของครูที่ปล่อยผมสยาย นั่งไขว้เท้าในท่าขัดสมาธิ
และที่เป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งคือ ท่านมักถือถ้วยน้ำชาในท่ากำลังจิบอยู่เสมอ
ในบรรดาครูทั้ง ๑๐
นั้นเป็นที่เชื่อกันว่า มีอย่างน้อย ๒ ท่านที่มีชีวิตเป็นอมตะ คือพ่อครูพู่พู่อ่อง
และพ่อครูโพมินข่อง กล่าวกันว่าพ่อครูพู่พู่อ่อง
ท่านใช้วิธีฝึกวิชาไปตามขั้นจนสำเร็จ ส่วนพ่อครูโพมินข่องใช้เคล็ดฝึกวิชาย้อนกลับ
หมายความว่าพ่อครูพู่พู่อ่องนั้นฝึกตามลำดับจากขั้นวิชา ๑ ๒ ๓ ๔
ไปจนสำเร็จขั้นสูงสุด ส่วนพ่อครูโพมินข่องนั้นเมื่อเรียนวิชาท่านเริ่มจากวิชาที่ยากที่สุดก่อนและไล่ไปจนถึงวิชาขั้นพื้นฐาน
ทั้งสองท่านสำเร็จแล้วอธิษฐานรักษาคุ้มครองพระพุทธศาสนา มีชีวิตยืนยาวเป็นกัปล์
รอรับเสด็จพระศรีอาริยะเมตรไตรย
เมื่อฟังธรรมจากพระองค์จิตก็จะบรรลุสู่นิพพานธรรมและดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานในทันที
การสำเร็จวิชาของท่านพู่พู่อ่องและโพมินข่องนั้น
คือสำเร็จทั้งด้านสมาธิจิต คือการเข้าฌานสมาบัติ กสิณ การเพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ
อากาศธาตุ จนเข้าอรูปฌานได้ การสำเร็จพระเวทย์คือการท่องมนตราและการตั้งพิธี
การสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ทั้งปรอทสำเร็จและเหล็กไหลวิเศษ
รวมทั้งการปรุงยาอมตะจากสมุนไพรที่หาได้จากเขาโปปา
ด้วยความสามารถความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นคุณวิเศษเหนือโลก
ที่ทำให้ท่านทั้งสองสมบูรณ์ด้วยฤทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใดในปฐพี
ทุกวันนี้ยังเชื่อกันว่า
ทั้งพู่พู่อ่องและโพมินข่องบรมครูผู้วิเศษศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนั้นยังคงดำรงสังขารอยู่
ผู้ที่ระลึกถึงนามท่านจะได้รับพรอันวิเศษ ผู้ที่ภาวนาถึงท่านจะได้รับความเมตตา
และทุกวันนี้ชาวพม่ายังเชื่อกันว่าท่านทั้งสองยังสถิตย์อยู่ในเขาโปปา ในส่วนของแดนทิพย์อันเป็นภพภูมิที่เหลื่อมซ้อนกับตัวเขาอย่างลี้ลับ
คนธรรมดามองไปจะเห็นเพียงแท่งหินทึบ แต่ผู้บรรลุจตุถฌานหรือได้ฌาน ๔
จะสามารถเห็นถ้ำลี้ลับซ้อนอยู่ภายใน
อันเป็นที่สถิตย์ของเหล่าบรมครูทั้งหลายผู้เป็นอมตะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น