วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พ่อครูโพมินข่อง สิทธาผู้สำเร็จแห่งเขาโปปา

พ่อครูโพมินข่อง สิทธาผู้สำเร็จแห่งเขาโปปา โดย ทิพยจักร

ตีพิมพ์ในนิตยสารพุทธคุณ กันยายน 2557


                เรื่องราวตำนานของพ่อครูทั้ง ๑๐ ของเมืองม่านหรือพม่า (ปัจจุบันเรียกอย่างเป็นทางการว่า”เมียนมาร์”) นั้นหลายคนให้ความสนใจมาก ทั้งนี้เพราะเรื่องราวของท่านลึกลับและมากด้วยปาฏิหาริย์ไม่แพ้เรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรของไทยเราเลย ทุกวันนี้ชาวพม่ายังเชื่อกันว่าพ่อครูทั้ง ๑๐ นั้นยังมีชีวิตอยู่และคอยทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาพระพุทธศาสนา และรักษาเมืองพม่าให้รอดปลอดภัยมาทุกยุคทุกสมัยอย่างน่าอัศจรรย์   เมื่อเกิดเหตุคราวคับขันอย่างไรแล้วท่านทั้ง ๑๐ ก็จะเนรมิตรกายออกจากป่ามาสู่เมืองเพื่อโปรดผู้ทุกข์ผู้ยากอยู่เสมอ

                ก่อนเข้าเรื่องของพ่อครูท่านต่อไป จะขอทำความเข้าใจเรื่อง”นัตเ” มืองม่านกันก่อนครับ คำว่านัต หมายถึงผี ครับ นัต ของพม่าที่บูชากันอยู่ทุกวันนี้ก็หมายถึงผีที่ทำหน้าที่คุ้มครองปกปักษ์รักษาบ้านเมือง โดยนัตนั้นแบ่งเป็นสองจำพวกคือ เทวดาอย่างหนึ่ง และผีตายไม่ปกติอย่างหนึ่ง นัตที่เป็นเทวดา ก็เช่นพระอินทร์ ครับ ส่วนนัตที่เป็นผีตายไม่ปกติ เช่นตายโหงนั้นมีหลายตน  ทำไมจึงเป็นผีตายโหง เรื่องนี้เพราะว่าผู้ที่ตายในการศึกสงครามประการหนึ่งถือว่าเป็นวีรบุรุษรักษาประเทศชาติสมควรยกให้เป็นผีเมือง อีกประการหนึ่งคือผู้ที่สิ้นด้วยโศกนาฏกรรมทั้งๆที่เป็นคนดีก็สมควรยกย่องให้เป็นผีบรรพบุรุษทำหน้าที่คอยคุ้มครองลูกหลานคนดีมีศีลธรรมเช่นกัน

                ดังนั้นผีนัต จึงเป็นผีที่มาจากนักรบ และมาจากคนดีแต่แล้วกลับตายจึงถูกยกย่องขึ้นเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่เรียกว่า นัต นั่นเอง


                ในส่วนของพ่อครูทั้ง ๑๐ ถูกแยกออกจากนัต  เรียกว่า “สิทธา” หรือ “ผู้สำเร็จ”  มีฐานะสูงส่งกว่านัต ทั้งมีฤทธิ์ตบะเดชะสูงส่งกว่าสรรพวิญญาณทั้งหลาย อย่างเทียบเคียงกันไม่ได้เลย ดังว่ามานี้คงรู้ถึงความแตกต่างระหว่างนัตและสิทธาทั้ง ๑๐ หรือพ่อครูทั้ง ๑๐ แห่งเมืองม่านกันแล้ว ว่าแตกต่างกันอย่างไร
       
                หนึ่งในบรมครูที่คนม่าน(พม่า) นับถือที่สุดเคียงคู่กับการนับถือบรมครูพู่พู่อ่อง และมีคติวางรูปของท่านไว้คู่กันเสมอก็คือพ่อครูโพมินข่อง ตำนานของพ่อครูโพมินข่องนั้นเล่าไว้ว่า ท่านได้ร่ำเรียนวิชากายสิทธิ์ปะฐะสิทธิ อันเป็นตำราเล่มเดียวกันกับบรมครูพู่พู่อ่อง แต่การร่ำเรียนวิชาของท่านพิสดารนักคือท่านเรียนวิชาย้อนกลับ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่เรียนพิสดารเช่นนี้ได้ย่อมเป็นผู้มีบุญวาสนาเป็นอัจฉริยะบุคคลลงมากำเนิด เป็นผู้บำเพ็ญบารมีทางพระโพธิญาณมานับไม่ถ้วน มิเช่นนั้นแล้วไฉนเลยจึงสามารถเรียนวิชาย้อนทวนได้


                พ่อครูโพมินข่อง อาศัยการทานว่านยาและการเรียนวิชาแบบย้อนกลับหรือย้อนทวนวิชา จนกระทั่ง จิตเป็นทิพย์ กายเป็นทิพย์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ บรรลุสมาบัติสูงสุดพร้อมด้วยอภิญญา ๕ ประการ สำเร็จวัชระกาย เนื้อตัวเป็นทิพย์ มีอำนาจวิเศษ  อาจบันดาลสิ่งต่างๆได้ตามปรารถนา ทั้งควบคุมธาตุทั้ง ๔ ได้อย่างพิสดารเด็ดขาดตายตัว อยู่บนโลกในฐานะคุรุเทพผู้วิเศษ ทำหน้าที่ประดุจพระโพธิสัตว์ท่องเที่ยวโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ

                บางตำนานกล่าวหรือเล่าต่อ ๆ กันมาไว้ว่าบรมครูพู่พู่อ่องและพ่อครูโพมินข่องต่างเคยทดสอบฝีมือกัน ปรากฏว่าไม่มีใครแพ้ใครชนะ เป็นยอดฝีมือด้วยกันทั้งคู่ บรมครูพู่พู่อ่องผู้เป็นยอดวิชาจึงยกให้พ่อครูโพมินข่องเสมอด้วยกับตน เป็นสหายธรรมอันรักกันยิ่ง และเป็นที่มาที่ทำให้คนเมืองม่านต่างวาดภาพหรือตั้งรูปเคารพของทั้งสององค์ไว้คู่กันเสมอ


                ปัจจุบันเชื่อว่าทั้งพ่อครูพู่พู่อ่องและพ่อครูโพมินข่อง ต่างเป็นผู้ได้กายวัชระเป็นอมตะไม่มีวันตาย ท่านทั้งสองจะมีอายุยืนยาวเท่าไหร่ก็ได้ตามปรารถนาแม้จะอยู่คู่ฟ้าคู่ดินก็สามารถ เพราะสำเร็จกายสิทธิ์ชั้นสูงสุด มีอายุยืนยาวประดุจเทพเจ้าเหล่าพระพรหมผู้เรืองฤทธิ์ ทั้งนี้พ่อครูทั้งสองต่างพำนักอยู่ที่ บุพเพวิหทวีป อันเป็นทวีปมงคลเป็นแดนลับแล โดยมีเขาโปปา มหาคีรีศักดิ์สิทธิ์ ใกล้เมืองพุกามเป็นทางเชื่อมมิติ ด้วยเหตุนี้ผู้ใดที่เข้าสมาธิฌาน ได้อุปจารสมาธิอาจนั่งทางในมองเข้าไปในเขาโปปา ก็อาจได้เห็นเหล่าบรมครูผู้เรืองฤทธิ์มีชีวิตเป็นอมตะได้อย่างน่าอัศจรรย์

                ในตำนานของโลกแห่งความลี้ลับทางฌานสมาบัตินั้น ผู้ที่มีฤทธิ์มีเดช มีตบะฌานอันสูงส่งจนสามารถมีอายุยืนยาวเป็นกัปล์ได้นั้น มีอยู่หลายท่าน เช่นเรื่องราวของมหามุนีศิวะบาบาหรือบาบาจีแห่งเขาหิมาลัย ท่านเป็นมหาโยคีที่มีอายุวัฒนะอยู่คู่ฟ้าดิน หรือเซียนทั้ง ๘ ของจีนก็เป็นผู้มีอายุวัฒนะเช่นกัน หรืออย่างเรื่องราวของหลวงปู่สรวงเทพเจ้าแห่งเขาพนมกุเลนที่มีอายุยืนยาวกว่า ๕๐๐ ปี

ในไทยเราเองก็มีเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่มีอายุยืนยาวเป็นหลายพันปี นอกจากนี้ถ้าค้นคว้าในคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาก็มีเรื่องราวของพระปิณโฑล ซึ่งมีอายุยืนยาวชั่วกัปล์ ท่านจะมีอายุจนกว่าพระพุทธศาสนาจะเสื่อมสิ้นไป บัดนี้ท่านมีอายุได้ ๒๕๐๐ กว่าปีแล้ว ดำรงธาตุขันธ์ด้วยอำนาจอิทธิบาทฌานอยู่ ณ ป่าหิมพานต์ริมสระอโนดาต อีกทั้งพระอุปคุตที่มีอายุยาวนาน ๒ พันกว่าปีจำพรรษาอยู่ภายในเวียงวังพญานาค

                เรื่องราวของท่านเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ตามคัมภีร์ในแต่ละศาสนา ทั้งนี้เรื่องราวของบรมครูพู่พู่อ่องและพ่อครูโพมินข่องทั้งพ่อครูอีกทั้ง ๘ ท่านในสายยาแดงหรือเรียกเต็มๆว่าสายปะฐะมะสิทธินั้นก็เป็นตำนานแห่งผู้มีอายุวัฒนะ ด้วยอำนาจแห่งฌานสมาบัติ และปรอทวิเศษกายสิทธิ์ การกินว่านยามหาวิเศษ จึงสำเร็จทำให้เนื้อตัวเป็นทิพย์ ดิน น้ำ ลม ไฟ กาย วาจา จิตล้วนเป็นทิพย์เป็นอมตะ วิชาเช่นนี้สามารถทำให้ร่างกายเนื้อตัวเป็นประดุจคลื่นพลังงาน อยู่พ้นแรงโน้มถ่วงของโลกและสามารถอยู่ได้โดยพ้นปัจจัยต่างๆของโลก เป็นเสมือนเทพเจ้าที่อยู่ในโลกนี้

                ด้วยธรรมอันเร้นลับสูงส่งที่ท่านเหล่านี้บำเพ็ญจนเป็นธรรมอันเหนือโลก  จึงทำให้ท่านเป็นสิ่งเร้นลับที่ยากจะเข้าถึงโดยปุถุชนทั่วไป  แม้ท่านจะเข้ามาอยู่ปะปนกับเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายก็มีอาจรู้ได้ว่าท่านกำลังอยู่ใกล้เราแค่ไหน แม้สายตาของเราที่ว่าเห็นๆหลายสิ่งหลายอย่างภายใต้พระอาทิตย์ดวงนี้ แต่สายตาของเราก็ไม่อาจเห็นท่านเหล่านั้นได้แม้ว่าท่านเหล่านั้นจะอยู่ใกล้เราแค่ไหนก็ตาม เพราะกิเลสตัณหานั้นบดบังสายตาของเรามิให้เห็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนภายใต้แสงพระอาทิตย์ มีแต่ผู้ที่ทรงฌานมีธุลีกิเลสน้อยในดวงตาเท่านั้นจึงสามารถเห็นท่านเหล่านั้นได้

                หากจะเข้าใกล้ท่านเหล่านั้นก็คงต้องอาศัยการบำเพ็ญสมณะธรรม จนบรรลุฌานสมาธิ จนสามารถจูนคลื่นความถี่จากจิตของเราให้เท่ากับท่านเหล่านั้น จึงสามารถเห็น สามารถติดต่อกับท่านเหล่านั้นได้อย่างสะดวก

                แต่หากยังไม่สามารถเข้าใกล้ ติดต่อท่านเหล่านั้นได้ก็คงต้องอาศัยวัตถุมงคลที่กำเนิดจากสายวิชาปะฐะมะสิทธิหรือวิชาสายยาแดง ติดตัวคู่กายไว้ ก็จะเสมือนเป็นองค์ท่านติดตามคุ้มครอง ดูแลไปตลอด หรือนำเอามากำภาวนาก็อาจสามารถสื่อถึงครูบาอาจารย์แห่งสายปะฐะมะสิทธิได้อย่างน่าอัศจรรย์


        มีข่าวมงคลสำหรับผู้สนใจสายปะฐะสิทธิ  กล่าวคือครูบาชัยมงคล  ชยฺธมฺโม  วัดไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่  พระเกจิอาจารย์ที่เคยเดินทางไปเรียนวิทยาคมสายพม่าที่เชียงตุงและจาริกไปเขาโปปา  เมืองพุกาม มาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วได้จัดสร้าง

       ล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง สิทธามหาเวทย์ หนึ่งในผู้สำเร็จพ่อครูทั้งสิบ ที่ได้รับความเคารพอย่างยิ่งในเมืองม่าน  ด้านหลังฝังมวลสารผสมผงยาตำหรับ”ปะฐะมะสิทธิ” อันเรืองฤทธานุภาพ


            วัตถุมงคลรุ่นนี้มีสองพิมพ์คือ พ่อครูโพมินข่อง “นั่งช้างป่า มหาอำนาจ”  และพิมพ์ ”มีกินตลอดชาติ เขาโปปา” ครูบาชัยมงคลได้ประกอบพิธีอัญเชิญญาณพ่อครูทั้ง ๑๐ ประสิทธิ และยังได้นำไปอธิษฐานจิตมังคลาภิเษก ณ ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ด้านทิศตะวันออก วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องที่บรมครูพู่พู่อ่องจัดสร้างถวายไว้ในพระพุทธศาสนา

          ยามอาราธนาให้ตั้งจิตเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง   คุณพระนางสุรัสวดี (สุรัสสะตี)  คุณพ่อครูทั้ง ๑๐ มีพ่อครูโพมินข่องเป็นที่สุด โปรดจงมาช่วยลูกคนนี้ด้วย ปรารถนาสิ่งใดบอกท่านไปเถิดสำเร็จสมปรารถนาทุกประการแล

หมายเหตุ      ผู้เขียน (ทิพยจักร) ได้ร่วมทดสอบของเชิญครูกับล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง ที่จัดสร้างโดยครูบาชัยมงคล  พร้อมทั้งมีการบันทึกเป็นวิดีโอเทปไว้  ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปชมทางยูทูปได้โดยเข้าไปในยูทูปแล้วพิมพ์ข้อความในช่องค้นหาว่า   ทดสอบของเชิญครูกับล็อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง
แล้วท่านก็จะสามารถชมการเชิญบารมีและญาณทิพย์ของพ่อครู สิทธามหาเวทย์ มาอธิษฐานจิตร่วมอนุโมทนาในการสร้างมงคลวัตถุและอาศัยหลักวิชาแห่งการขับเคลื่อนพลังงานแฝงเร้นแลการตรึงพลังงานให้อยู่ภายในมงคลวัตถุเพื่อให้เกิดปาฏิหาริย์แห่งพลังงานกับผู้ที่นำไปบูชา ซึ่งปรากฏว่าผู้ที่ได้นำไปจะเห็นผลในด้านต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งเรื่องเมตตา   การปกป้องคุ้มครอง   การขับไล่สิ่งอัปมงคล ถอนอาถรรพ์ต่างๆ ให้เห็นกันถนัดชัดเจน

     สำหรับท่านที่สนใจล๊อกเก็ตพ่อครูโพมินข่อง ติดต่อได้ที่ วัดไทรย้อย ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ. แพร่  โทร 054-661063   และที่ สุริยันจันทรา โทร02-399-2000 / 083-073-7515
      หรือติดต่อทาง LINE  ID =  suriyanchantra
       บูชาองค์ละ 500 บาท พร้อมอัดกรอบพลาสติกเลี่ยมไมคอน


                อนึ่งท่านที่สนใจเวทย์วิทยาแห่งเมืองม่านสายปะธะมะสิทธิ  ติดตามอ่านได้ในนิตยสารพระเครื่องพุทธคุณ และอ่านบทความย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์ที่ www.suriyanchantra.net